ผลสำรวจชี้คนเชื่อ”ทรัมป์”น้อยกว่า”ปูติน”
ประชาชนทั่วโลกให้ความเชื่อถือในตัวประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯน้อยกว่าผู้นำชาติอื่น รวมทั้งผู้นำเผด็จการอย่างวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซีย และประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีน อ้างอิงจากผลสำรวจล่าสุด
โดยผลสำรวจประชาชนใน 25 ประเทศพบว่ามีเพียง 27% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่เชื่อมั่นในตัวทรัมป์ว่าจะทำสิ่งที่ถูกต้องในเรื่องระดับโลก
ตรงข้ามกับผู้นำประเทศที่มีคนเชื่อถือมากที่สุดคือนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิลแห่งเยอรมนีที่ได้ความเชื่อมั่นมากถึง 52% จากผู้ตอบแบบสำรวจ ขณะที่ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนได้ 34% และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียได้ 30%
การสำรวจจัดทำขึ้นกับผู้ตอบแบบสอบถาม 26,112 คนใน 25 ประเทศ เมื่อวันที่ 20 พ.ค. – 12 ส.ค.โดย Pew Research Center ซึ่งเป็นสำนักคิดในวอชิงตันที่เป็นกลางไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
ทั้งนี้ ผลสำรวจพบว่าเรตติ้งโดยรวมของสหรัฐฯ สำหรับบทบาทในระดับโลกนั้นต่ำกว่าสมัยอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐฯ
“ คนส่วนใหญ่ระบุว่า สหรัฐฯไม่พิจารณาผลประโยชน์ของประเทศอื่นเมื่อมีการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศ ” นักวิเคราะห์ที่ Pew ให้ข้อมูล
“ คนจำนวนมากเชื่อว่าสหรัฐฯทำหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาทั่วโลกน้อยลงกว่าเมื่อก่อน และมีสัญญาณว่า soft power ของอเมริกันก็จางลงเช่นกัน ขณะที่สหรัฐฯยังคงมีชื่อเสียงในการขานรับกับเสรีภาพส่วนบุคคล แต่คนจำนวนหนึ่งเชื่อในเรื่องนี้น้อยลงกว่าเมื่อทศวรรษก่อน ” นักวิเคราะห์ที่ Pew ระบุ
ตั้งแต่ชนะการเลือกตั้งในเดือนพ.ย.ปี 2559 ทรัมป์เริ่มต้นทำสงครามการค้า โดยปฏิเสธการทำข้อตกลงสำคัญระหว่างประเทศ และตั้งคำถามกับพันธมิตรเก่าแก่ ในเดือนก.ย.ที่สหประชาชาติ เขาแถลงว่า รัฐบาลสหรัฐฯปฏิเสธแนวคิดที่สนับสนุนโลกาภิวัตน์ และให้ความสำคัญกับประเทศสหรัฐฯมากกว่า
ไม่น่าแปลกใจที่ระยะห่างระหว่างสหรัฐฯกับพันธมิตรดั้งเดิมดูจะกว้างออกไป หลายคนตั้งคำถามว่าความสัมพันธ์ของสหรัฐฯ – พันธมิตร และประเทศคู่ค้ายังมีความสำคัญกับทรัมป์หรือไม่
ในเยอรมนี มีประชาชนเพียง 10% ที่ระบุว่า พวกเขามีความเชื่อมั่นในตัวประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตัวเลขลดลงเป็น 9% ในฝรั่งเศส และ 7% ในสเปน
ขณะที่ขยับใกล้เข้ามาในอเมริกาเหนือ คะแนนเหลือเพียง 6% ในเม็กซิโกที่ผู้ตอบแบบสอบถามแสดงความเชื่อมั่นในความเป็นผู้นำของทรัมป์ และแคนาดามี 25% ที่มองทรัมป์ในแง่ดี
หนึ่งในประเทศที่ชื่นชมทรัมป์คืออิสราเอล ที่คะแนนความเชื่อมั่นในตัวเขาสูงถึง 69% เนื่องจากช่วงปลายปี 2560 ทรัมป์ประกาศรับรองนครเยรูซาเลมว่าเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล และย้ายสถานทูตสหรัฐฯจากเมืองเทลอาวีฟมาอยู่ที่เมืองนี้
ถึงแม้จะมีความเห็นในแง่ลบกับความเป็นผู้นำของทรัมป์ แต่ 63% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า พวกเขายังคงสนับสนุนสหรัฐฯให้มีบทบาทในฐานะผู้นำของโลก ขณะที่คัดค้านจีน
ในบรรดา 25 ประเทศที่ทำการสำรวจ ซึ่งไม่รวมจีน มี 45% ของผู้ตอบแบบสำรวจที่มีมุมมองที่ดีกับจีน ขณะที่ 43% มีความเห็นกับจีนไม่ดีนัก
คะแนนที่ลดลงส่วนใหญ่ของสหรัฐฯมาจากรัสเซีย โดยในผลสำรวจ มีเพียง 26% ที่มีความพอใจกับสหรัฐฯ ลดลงถึง 15% จากปี 2560 โดยชาวรัสเซียส่วนใหญ่ระบุว่า ความสัมพันธ์ระหว่างมอสโกและวอชิงตันเลวร้ายลงในปีที่ผ่านมา จำนวนการแชร์ต่อสาธารณะด้วยมุมมองในแง่ดีกับทรัมป์ลดลงจาก 53% ลงมาอยู่ที่ 19%
ตัวเลขที่ลดลงเกิดขึ้นในช่วงที่มีการสอบสวนกรณีที่รัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ในปี 2559 โดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯระบุเมื่อเดือนก.ค.ว่า จะตั้งข้อหากับชาวรัสเซีย 12 คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในแคมเปญหาเสียงซึ่งทำให้ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ บิดเบือน รวมถึงการปล่อยอีเมลที่จงใจสร้างความเสียหายกับนางฮิลลารี คลินตัน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครตด้วย