อียูเสนอเลิกภาษีรถยนต์นำเข้า แต่ทรัมป์ไม่สน
หุ้นบริษัทผู้ผลิตรถยนต๋พุ่งขึ้นเมื่อวันที่ 30 ส.ค.หลังโฆษกองค์กรการค้าของสหภาพยุโรปอ้างว่า อียูพร้อมจะยกเลิกการจัดเก็บภาษีกับสินค้าอุตสาหกรรมทั้งหมด รวมถึงรถยนต์ด้วย
“ เรามีความตั้งใจที่จะลดภาษีรถยนต์ให้เป็นศูนย์ ภาษีทั้งหมดเป็นศุนย์ หากสหรัฐฯทำเช่นเดียวกัน” Cecilia Malmstrom คณะกรรมาธิการการค้ากล่าวในสภายุโรป
โดย Malmstrom อ้างไปถึงข้อตกลงในเดือนก.ค.ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และ Jean – Claude Juncker ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปว่า ทั้งสองฝ่ายจะทำงานร่วมกันเพื่อยกเลิกภาษีสินค้าอุตสาหกรรมที่ไม่ใช่รถยนต์
หุ้นของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์เริ่มปรับเพิ่มขึ้นทันทีหลังทราบข่าวนี้ในเวลา 15.30 น.
ในการแถลงก่อนหน้านี้ Malmstrom เปิดเผยรายละเอียดของการสนทนาระหว่างผู้แทนสหรัฐฯ และอียูในวันที่ 25 ก.ค.
“ เรากล่าวว่า เราพร้อมจากทางฝั่งอียูที่จะลดภาษีให้เป็น 0% กับสินค้าอุตสาหกรรมทั้งหมด หากสหรัฐฯทำเช่นเดียวกัน ซึ่งจะอยู่บนพื้นฐานของการพึ่งพาซึ่งกันและกัน” Malmstrom กล่าวกับคณะกรรมาธิการการค้าของสภายุโรป
ปัจจุบัน สหรัฐฯมีมาตรการภาษี 25% กับรถบรรทุกเบาและรถกระบะ และ 2.5% กับรถยนต์ขนาดเล็กที่นำเข้าจากยุโรป ขณะที่ทางอียูจัดเก็บภาษี 10% กับรถยนต์นำเข้าทุกประเภทจากสหรัฐฯ
หุ้นของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ยุโรปต้องต่อสู้ดิ้นรนในปีนี้ เนื่องจากนักลงทุนกลัวว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะทำตามคำขู่ในทวีตเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ว่า หากอียูไม่ยอมยกเลิกภาษีรถยนต์จากสหรัฐฯ สหรัฐฯก็ไม่มีทางเลือกที่จะต้องปรับขึ้นภาษีเป็น 20% โดยหลังจากคำขู่ หุ้นของ BMW,โฟล์กสวาเกน,เฟียตไครสเลอร์ และเดมเลอร์ ผู้ผลิตเมอร์ซีเดสก็ดิ่งลงถ้วนหน้า หุ้นของฟอร์ดและเจเนรัลมอเตอร์เองก็ลดลงด้วย
มีรายงานว่า ผู้นำสหรัฐฯปฏิเสธข้อเสนอจากอียูที่จะยกเลิกภาษีรถยนต์ หากทั้งสองฝ่ายพร้อมใจกันปฏิบัติเหมือนกัน ในการให้สัมภาษณ์กับสื่อบลูมเบิร์กในวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยทรัมป์ระบุว่า “ข้อเสนอนี้ไม่ดีพอ” เขาเสริมว่า พฤติกรรมผู้บริโภคในยุโรปมักนิยมซื้อรถยุโรปเอง ซื้อรถอเมริกัน
ทรัมป์ยังกล่าวในการให้สัมภาษณ์ว่า อียูร้ายเกือบเท่าจีน แค่น้อยกว่าหน่อย โดยเขาได้สั่งการให้คณะทำงานเร่งพิจารณาเรื่องมาตรการจัดเก็บภาษีเพิ่มเติมจำนวน 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯกับสินค้านำเข้าจากจีนให้เร็วที่สุดในสัปดาห์หน้า อ้างอิงจากสื่อบลูมเบิร์ก
ทั้งนี้ การค้าระหว่างสหรัฐฯและสหภาพยุโรปมีมูลค่ากว่า 1.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นความสัมพันธ์การค้าทวิภาคีที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
มีสินค้าและบริการของสหรัฐฯมูลค่า 528,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถูกส่งขายในยุโรปในปีที่ผ่านมา ขณะที่ ยุโรปขายสินค้าและบริการมูลค่า 629,000 ล้านดอลลาร์ให้สหรัฐฯในปี 2560
โดยการค้าที่มีมูลค่ามากที่สุดระหว่างสองตลาดคือเครื่องจักรและอุปกรณ์ในการคมนาคมขนส่ง รองลงมาคือเคมีภัณฑ์ อ้างอิงจากคณะกรรมาธิการยุโรป ทำให้สหรัฐฯขาดดุลการค้ากับยุโรปสูงถึง 101,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากข้อมูลของทางสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม แม้อียูจะจัดเก็บภาษี 10% กับรถยนต์นำเข้าจากสหรัฐฯ แต่ 85% ของรถยนต์ที่ประกอบในสหรัฐฯและส่งขายในยุโรปได้รับการยกเว้นภาษีเพราะใช้ชิ้นส่วนจากยุโรป.