ศก.สหรัฐฯโตเพิ่มเป็น 4.2%
เศรษฐกิจของสหรัฐฯในไตรมาส 2 มีการเติบโตในอัตราสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ตั้งแต่แรก อ้างอิงจากตัวเลขที่ปรับแก้ไข
โดยกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ประเมินว่าเศรษฐกิจในไตรมาสเดือนเม.ย.- มิ.ย.มีการเติบโตในอัตรา 4.2% ต่อปี ปรับเพิ่มขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้คือ 4.1%
นับเป็นตัวเลขการเติบโตประจำไตรมาสที่ดีที่สุดในรอบเกือบ 4 ปีของสหรัฐฯ และทำให้เศรษฐกิจดำเนินไปตามเป้าหมายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์คือเติบโต 3% ตลอดทั้งปี
โดยตัวเลขที่เผยแพร่ออกมาหนุนให้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทพุ่งทะยานขึ้นทำนิวไฮเมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา
ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกันต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 4 โดยได้แรงหนุนสำคัญจากบริษัทเทคโนโลยีอย่าง อเมซอน และอัลฟาเบต
โดยหุ้นอเมซอนพุ่งขึ้น 3.4% ทำให้เป็นผู้ค้าปลีกออนไลน์ที่ใกล้จะเป็นบริษัทของสหรัฐฯแห่งที่ 2 ต่อจากแอปเปิลที่จะมีมูลค่าในตลาดสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ปัจจุบัน อเมซอนมีมูลค่าในตลาดอยู่ที่ 971,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
นักเศรษฐศาสตร์หลายคนคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาส 2 จะเติบโตอยู่ที่ 4%
หากไม่ได้คิดบนพื้นฐานการเติบโตต่อปี เศรษฐกิจมีการขยายตัวเติบโตอยู่ที่ 1% ในไตรมาส 2 ขณะที่ในไตรมาสเดียวกัน เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรมีการเติบโตอยู่ที่ 0.4% เท่านั้น
การปรับแก้ไขตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจขึ้น สะท้อนให้เห็นว่ามีการใช้จ่ายทางธุรกิจกับซอฟต์แวร์มากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ และมีการนำเข้าน้ำมันน้อยลง
การเติบโตได้แรงขับเคลื่อนจากหนึ่งในปัจจัยสำคัญคือ มาตรการลดภาษีของรัฐบาลมูลค่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งช่วยหนุนการใช้จ่ายของผู้บริโภค
โดยการประเมินใหม่อยู่บนพื้นฐานของข้อมูลที่สมบูรณ์ครบถ้วนมากขึ้นกว่าที่มีอยู่เดิม และจะมีการปรับแก้ไขอีกครั้งในเดือนก.ย.
ทั้งนี้ การใช้จ่ายของกระทรวงกลาโหมเพิ่มขึ้น 6% ในไตรมาส 2 นี้ นับเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 9 ปี แต่ยังคงมีการปรับแก้ตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการก่อสร้างลง
แต่นักเศรษฐศาสตร์พากันตั้งคำถามว่า เศรษฐกิจของสหรัฐฯจะคงโมเมนตัมในการเติบโตไว้เท่าเดิมได้หรือไม่ในอนาคต
“ เราคาดการณ์ว่าตัวเลขการขยายตัวจะชะลอตัวลงในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2561 นี้ เนื่องจากมาตรการกระตุ้นทางการคลังเริ่มจะลดลง และการกีดกันทางการค้าจะเริ่มส่งผลกับกิจกรรมทางธุรกิจ” Oren Klachkin ที่ Oxford Economics ในนิวยอร์กให้ความเห็น
ตัวเลขการเติบโตที่เพิ่มขึ้นมีแนวโน้มจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือนก.ย.เป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้
อ้างอิงจากโพลล์นักเศรษฐศาสตร์ของรอยเตอร์ เศรษฐกิจสหรัฐฯจะชะลอตัวลงอย่างมีเสถียรภาพในไตรมาสที่จะถึง โดยนักวิเคราะห์เหล่านี้คาดการณ์ว่าสงครามการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์จะก่อให้เกิดความเสียหายกับเศรษฐกิจมากกว่าจะส่งผลดี.