ตุรกีจ่อแบนสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สหรัฐฯ
ประธานาธิบดีเรเจป ทายิป แอร์โดอันประกาศห้ามนำเข้าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จากสหรัฐฯเมื่อวันที่ 14 ส.ค. หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ตัดสินใจปรับขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กจากตุรกี
“ อะไรก็ตามที่เราซื้อจากต่างประเทศ เราจะสามารถผลิตเองได้ด้วยคุณภาพที่ดีกว่าและส่งออกได้ เราจะบอยคอตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สหรัฐฯ”
ประธานาธิบดีแอร์โดอันระบุในการกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีฉลองครบรอบ 17 ปีของการก่อตั้งพรรคยุติธรรมและพัฒนาของเขา
“ ถ้าพวกเขามีไอโฟน และอีกมือมีซัมซุง ในประเทศของเราก็มี Venus และ Vestel” เขากล่าว โดยเอ่ยชื่อแบรนด์โทรศัพท์มือถือที่ผลิตในตุรกีโดยบริษัทผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ Vestel
“ สิ่งที่เราทำได้พิสูจน์ว่าเราได้ทำอะไรมาบ้างจนถึงตอนนี้ อะไรที่เราจ่ายเพื่อซื้อของจากต่างประเทศ เราจะทำเองได้ที่นี่” ผู้นำตุรกีกล่าว
ยังไม่มีความชัดเจนว่านี่เป็นประกาศอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลในการห้ามนำเข้าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จากสหรัฐฯ หรือเป็นเพียงข้อเรียกร้องจากผู้นำตุรกีเพื่อให้ประชาชนหยุดซื้อสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อเมริกันเท่านั้น
ประธานาธิบดีแอร์โดอันยังคงแสดงอาการท้าทายหลังผู้นำสหรัฐฯประกาศปรับขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากตุรกีเพิ่มเป็นสองเท่า คือ 50% และ 20% ตามลำดับ
โดยภาษีนำเข้าเหล็ก 25% และอะลูมิเนียม 10% เป็นมาตรการภาษีที่สหรัฐฯประกาศใช้กับทุกประเทศ เพื่อเป็นการคุ้มครองอุตสาหกรรมการผลิตเหล็กของสหรัฐฯ และเอาใจบรรดาผู้สนับสนุนที่ลงคะแนนเลือกเขาในพื้นที่อุตสาหกรรมของอเมริกา
ทั้งนี้ ภาษีที่สหรัฐฯประกาศใช้กับตุรกีเพื่อเป็นการกดดันให้ตุรกีปล่อยตัว Andrew Brunson บาทหลวงชาวอเมริกันที่ถูกคุมขังในตุรกีตั้งแต่ปี 2559 โดยบาทหลวงคนนี้ถูกทางการตุรกีกล่าวหาว่ามีความเกี่ยวข้องกับการพยายามทำรัฐประหารที่ล้มเหลวเมื่อสองปีก่อนที่ทำให้ประชาชนนับหมื่นคนถูกจับกุม
เมื่อวันที่ 13 ส.ค. แอร์โดอันกลายเป็นจุดสนใจของโซเชียลมีเดียด้วยการประกาศว่า ทางการตุรกีกำลังสอบสวน 346 บัญชีผู้ใช้งานที่ปลุกปั่นอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินที่ทำให้เงินลีราของตุรกีดิ่งฮวบ อ้างอิงจากการรายงานของสำนักข่าว Anadolu
จะมีการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่ปล่อยข่าวลวงเกี่ยวกับธนาคาร สถาบันการเงิน และบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ระบุในแถลงการณ์ โดยหน่วยงานที่กำกับดูแลด้านการเงินแห่งนี้ระบุว่า ผู้ฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุก 2-5 ปี
Ibrahim Kalin ที่ปรึกษาประธานาธิบดีและโฆษกโพสต์บนทวิตเตอร์ว่า “ กระทรวงการคลังและการเงิน ธนาคารกลาง คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ หน่วยงานดูแลธนาคาร และสำนักงานที่ปรึกษา รวมถึงสถาบันอื่นๆมีความจำเป็นต้องเข้มงวดกับเสถียรภาพทางการเงิน เศรษฐกิจของตุรกีเข้มแข็ง ไม่ควรมีใครเชื่อถือข่าวลวง ตุรกีจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นเมื่อจบสิ้นกระบวนการนี้ ”
ค่าเงินลีราของตุรกีดีดกลับขึ้นมา 6%ในการซื้อขายเมื่อวันที่ 14 ส.ค. หลังจากร่วงลงไปถึง 25% ในเดือนส.ค.นี้ ก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศตุรกี.