ซัมซุงลงทุนเทคโนโลยีใหม่ 2 หมื่นล้าน
เมื่อวันที่ 8 ส.ค.ซัมซุง บริษัทยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ระบุว่า จะลงทุนจำนวน 22,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 733,700 ล้านบาทภายใน 3 ปีกับเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าอย่างปัญญาประดิษฐ์ รถยนต์ขับอัตโนมัติ และชีวเวชภัณฑ์ เพื่อหนุนการเติบโตในอนาคต
โดยการลงทุนช่วงแรกจะนำโดยซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเมมโมรีชิปรายใหญ่ที่สุดในโลก ที่ปัจจุบันต้องประสบกับภาวะที่ยากลำบากทั้งจากยอดขายสมาร์ทโฟนที่ลดลง และข่าวคอร์รัปชั่นที่อื้อฉาวของรองประธานอีแจยอง ซึ่งถูกศาลพิพากษาจำคุกเมื่อปีที่แล้ว
ถึงแม้ดีมานด์ของเมมโมรีชิปยังคงสูงอยู่ แต่ตลาดสมาร์ทโฟนดูท่าจะใกล้ถึงทางตัน ทำให้บริษัทต้องเร่งหาโอกาสในการเติบโตที่สดใสกว่าเดิม
“ซัมซุงคาดการณ์ว่า นวัตกรรมอย่างเทคโนโลยี AI จะช่วยขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรม ขณะที่เทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคมอย่าง 5G จะช่วยสร้างโอกาสใหม่ๆในรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ อินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง (IoT) และหุ่นยนต์” บริษัทระบุในแถลงการณ์
โดยรวมแล้ว กลุ่มซัมซุงมีแผนจะลงทุนจำนวน 161,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในอีก 3 ปีหน้าเพื่อครอบคลุมทุกธุรกิจ โดยมากกว่า 70% จะเป็นการลงทุนในเกาหลีใต้
บริษัทจะขยายการลงทุนในฮับการผลิต เพื่อเป็นการเพิ่มการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ และจอดิสเพลย์ รวมทั้งเป็นรายใหญ่ของตลาดใหม่โดยการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อขับเคลื่อนรถยนต์อัตโนมัติ บริษัทคาดการณ์ว่า จะเพิ่มงานใหม่ได้ 40,000 อัตราในอีก 3 ปีหน้า ซึ่งถือเป็นข่าวดีสำหรับรัฐบาลเกาหลีใต้ ที่ปัจจุบันต้องเผชิญกับสภาวะการตกงานของคนรุ่นใหม่จำนวนมาก
คำประกาศของบริษัทมีขึ้นภายในสองวันหลังจากคิมดองยอน รมว.กระทรวงการคลังของเกาหลีใต้พบกับอีแจยอง ซึ่งรักษาการตำแหน่งประธานกลุ่มซัมซุง และเรียกร้องให้ซัมซุงช่วยสร้างงานใหม่และหนุนเศรษฐกิจของประเทศ
อี ซึ่งเป็นทายาทของตระกูลผู้ก่อตั้งซัมซุง ต้องโทษจำคุกในปี 2560 จากการที่เขามีส่วนในการทุจริตที่พัวพันกับประธานาธิบดีและนักธุรกิจชั้นนำของเกาหลีใต้หลายคนจนลุกลามกลายเป็นข่าวฉาวไปทั่วประเทศ ประชาชนเกาหลีใต้ออกมาประท้วงตามถนนนับล้านคน และส่งผลให้มีการถอดถอนประธานาธิบดีพัคกึนฮเยออกจากตำแหน่ง
เขาถูกปล่อยตัว เนื่องจากศาลอุทธรณ์สั่งยกฟ้องเขา โดยตัดสินว่าเขาได้รับโทษจำคุกเพียงพอแล้วหลังคำพิพากษาของศาลชั้นต้น และตอนนี้ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีในชั้นของศาลฏีกา
นักวิจารณ์มองว่า การพบกันของรมว.คิมและประธานอีอาจเป็นการส่งสัญญาณที่ไม่ถูกต้องไปที่ศาลว่า รัฐบาลเกาหลีใต้สนับสนุนให้มีการผ่อนปรนโทษกับนักธุรกิจชั้นนำคนนี้
ทั้งนี้ กำไรของซัมซุงในไตรมาส 2 ลดลงมาเล็กน้อยอยู่ที่ 11.04 ล้านล้านวอน ลดลงจากเดิม 11.05 ล้านล้านวอนเมื่อปีก่อน ยอดขายในไตรมาสเดือนเม.ย. – มิ.ย.ลดลง 4.1% มาอยู่ที่ 58.48 ล้านล้านวอน โดยรายได้ของธุรกิจสมาร์ทโฟนลดฮวบลงถึง 22%.