คลื่นความร้อนถล่มอังกฤษ ทำสถิติร้อนที่สุดของปี
เมื่อวันที่ 26 ก.ค. ถูกระบุว่าเป็นวันที่ร้อนที่สุดของปีในสหราชอาณาจักรแล้วอย่างเป็นทางการ โดยตรวจพบอุณหภูมิทะยานขึ้นสูงสุดในเมืองเซอร์เรย์ ด้วยตัวเลข 35.1 องศาเซลเซียส
ส่วนไอร์แลนด์เหนือ สก็อตแลนด์ และเวลส์ มีอุณหภูมิสูงราว 26.2-29.4 องศาเซลเซียส ด้านสำนักอุตุนิยมวิทยาระบุว่า หากอุณหภูมิในวันที่ 27 ก.ค.ยังคงเพิ่มสูงขึ้น อาจส่งผลให้สถิติอุณหภูมิสูงสุดเดิมในประวัติการณ์ที่เคยบันทึกไว้ในเมืองเคนต์ เมื่อปี 2546 ที่สูงที่สุด 38.5 องศาเซลเซียส อาจถูกโค่นลงได้
อย่างไรก็ตาม บางส่วนของอังกฤษกลับต้องเผชิญหน้ากับฝนที่ตกกระหน่ำรวมทั้งยังต้องระวังเนื่องจากมีการเตือนเกี่ยวกับพายุฝนฟ้าคะนองที่อาจเข้าปกคลุมพื้นที่
อุณหภูมิที่สูงที่สุดในเวลส์คือ 29.4 องศาเซลเซียสในเมืองอัสก์ และที่ทางเดินยักษ์(Giants Causeway) ในไอร์แลนด์เหนือ มีอุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ 26.2 องศาเซลเซียส ส่วนที่ดุนสตัฟฟ์เนด ในสก็อตแลนด์ มีอุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ 27.6 องศาเซลเซียส
สำหรับตัวเลขอุณหภูมิต่ำสุดช่วงกลางคืนในเดือน ก.ค.คือ 23.3 องศาเซลเซียส และเมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา ทางสำนักอุตุนิยมวิทยาระบุว่า ในบริเวณตะวันออกเฉียงใต้ของอังกฤษอุณหภูมิอาจพุ่งทะลุตัวเลขดังกล่าวก็เป็นได้
อุณหภูมิที่สูงสุดในเดือน ก.ค. ปัจจุบันของสหราชอาณาจักรคือ 36.7 องศาเซลเซียส ซึ่งมีการบันทึกไว้ตั้งแต่เดือน ก.ค. ปี 2558 ในเมืองฮีธโทรว
อุณหภูมิที่สูงทั่วประเทศ ถูกโทษว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้รางรถไฟอุโมงค์ช่องแคบอังกฤษต้องล่าช้าเป็นเวลามากถึง 5 ชม. ทางด้านบริษัทยูโรทันเนลระบุว่า เกิดปัญหาเครื่องปรับอากาศในตัวรถไฟ ส่งผลให้รถไฟบางขบวนไม่สามารถใช้งานได้ นำไปสู่การล่าช้าดังที่ทราบ
ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงในลอนดอน ได้ออกมาเรียกร้องให้ห้ามการทำบาบีคิวในสวนหลายแห่งของลอนดอน หลังจากที่เกิดเหตุเพลิงไหม้หญ้ามากที่สุดเป็นครั้งประวัติการณ์
โดยในปีนี้ มีเหตุเพลิงไหม้หญ้ามากถึง 43 ครั้งในลอนดอน ซึ่งถือว่าเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับเหตุเพลิงไหม้หญ้าในปี 2560 ที่เกิดขึ้นทั้งหมด 7 ครั้ง
นอกจากนี้แล้ว โรงพยาบาลส่วนใหญ่ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดย Royal College of Nursing (RCN) ระบุว่า อากาศร้อนรุนแรงในครั้งนี้ทำให้พยาบาลต่างเกิดอากาศวิงเวียนและเหนื่อยล้า
พยาบาลรายหนึ่งถูกส่งตัวเข้าหน่วยฉุกเฉินด้วยอาการขาดน้ำ หลังต้องทำงาน 12 ชม. ติดต่อกัน 3 กะในช่วงที่มีคลื่นความร้อนเข้าปกคลุมประเทศ
เจ้าหน้าที่ด้านสุขภาพระบุว่า เลือดสำรองปัจจุบันเริ่มลดน้อยลง เนื่องจากผู้คนบางส่วนเกิดอาการขาดน้ำเกินกว่าจะสามารถบริจาคเลือดได้ ในขณะที่บางส่วนก็ยังเลือกที่จะอาบแดดท่ามกลางความร้อนระอุ.