เฟซบุ๊กทุบสถิติมูลค่าในตลาดลดฮวบที่สุด
เมื่อวันที่ 26 ก.ค. เฟซบุ๊กโพสต์รายงานมูลค่าของบริษัทในตลาดที่ลดลงมากกว่าบริษัทใดในประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ หลังจากบริษัทรายงานรายได้ประจำไตรมาสที่ลดลงเกินคาด
โดยมูลค่าเงินทุนของบริษัทยักษ์ใหญ่โซเชียลมีเดียอย่างเฟซบุ๊กลดดิ่งร่วงลงมากถึง 119,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลงมาอยู่ที่ 510,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากราคาหู้นของบริษัทลดลงถึง 19% โดยในช่วงปิดตลาดการซื้อขายของวันที่ 25 ก.ค. มูลค่าของบริษัทในตลาดสูงเกือบ 630,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อ้างอิงจากข้อมูลของ FactSet
ไม่มีมูลค่าของบริษัทใดในประวัติศาสตร์ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่เคยลดฮวบลงมากที่สุดถึง 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯภายในวันเดียว อาจจะเคยเข้าใกล้ตัวเลขนี้ แต่ก็ใช้เวลาสองวัน
โดยเมื่อวันที่ 22 ก.ย. 2543 มูลค่าของบริษัท Intel ในตลาดเคยลดลงถึง 90,740 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากช่วงฟองสบู่ไอทีแตก และเมื่อต้นปีนี้ ไมโครซอฟต์ก็เคยประสบกับวิกฤตที่มูลค่าในตลาดหายไปถึง 80,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในวันเดียว ขณะที่บริษัทอื่นๆ ที่เคยมีประสบการณ์ที่มูลค่าบริษัทร่วงลงคือแอปเปิล ที่มูลค่าบริษัทหายไปถึง 59,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2556 และ Exxon Mobil ที่มูลค่าบริษัทดิ่งลงถึง 52,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2551
มูลค่าบริษัทที่หายไปมหาศาลของเฟซบุ๊กมีขึ้นในวันที่บริษัทรายงานรายได้ในไตรมาส 2 ที่น้อยกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ รวมถึงตัวเลขผู้ใช้งานทั่วโลกที่น่าผิดหวัง เนื่องจากเป็นมาตรวัดสำคัญของเฟซบุ๊ก โดยบริษัทยังคาดการณ์ว่า การเติบโตของรายได้บริษัทจะชะลอตัวลงในช่วงครึ่งปีหลังนี้
นักวิเคราะห์หลายคนลดระดับหุ้นของเฟซบุ๊กลง รวมทั้ง Mark Kelley จาก Nomura Instinet
“ จากการเติบโตของจำนวนผู้ใช้งานที่หดตัวลง เราคิดว่า อาจจะเข้าใกล้ความผันผวนระยะกลางของหุ้นในจุดนี้ ” เขาลดอันดับหุ้นของเฟซบุ๊กลงมาอยู่ ‘ระดับกลาง’ จากที่เคยแนะนำให้ ‘ซื้อ’
มีรายงานว่า ในส่วนของมาร์ก ซักเตอร์เบิร์ก ซีอีโอของเฟซบุ๊ก มูลค่าหุ้นของเขาหายไปเกือบ 16,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อ้างอิงจาก Forbes
ซึ่งติดตามมูลค่าทรัพย์สินของมหาเศรษฐีทั่วโลกแบบเรียลไทม์ ทำให้เขาร่วงลงมาอยู่อันดับ 6 จากอันดับ 4 ของการจัดอันดับมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลก
สำหรับกลยุทธ์ใหม่ของบริษัท David Wehner ประธานบริหารการเงินของเฟซบุ๊กระบุในการประชุมทางไกลว่า เฟซบุ๊กจะทุ่มเทในการพัฒนาฟีเจอร์ Stories ซึ่งอาจจะฉุดรายได้ลง เพราะเฟซบุ๊กทำเงินจาก News Feed มากกว่าผลิตภัณฑ์อื่น
โดยเฟซบุ๊กจะใช้เงินมากขึ้นเพื่อให้บรรลุตามเป้า Wehner ระบุว่า จะลงทุนอีกนับพันล้านดอลลาร์ต่อปีเพื่อปรับปรุงด้านความปลอดภัยและความมั่นคง หลังจากบริษัทโดนข่าวฉาวว่ามีส่วนในการเผยแพร่ข่าวเท็จ และการแทรกแซงการเลือกตั้งของสหรัฐฯ ครั้งที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เฟซบุ๊กเคยประสบภาวะวิกฤตเมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2555 เมื่อหุ้นของบริษัทลดลงถึง 11.7% โดยหุ้นร่วงลงในวันนั้น เพราะบริษัทไม่สามารถโน้มน้าวให้นักลงทุนเชื่อได้ว่าจะขายโฆษณาทางโทรศัพท์มือถือได้มากขึ้น ปัจจุบัน รายได้จากโฆษณาบนโทรศัพท์มือถือคิดเป็น 91% ของรายได้จากโฆษณาทั้งหมดของเฟซบุ๊ก.