หุ้นเฟซบุ๊กดิ่งฮวบ หลังรายได้ลด
เมื่อวันที่ 25 ก.ค.หลังการรายงานรายได้ประจำไตรมาสของเฟซบุ๊ก ผู้ถือหุ้นขานรับด้วยการเทขายหุ้นจำนวนมาก ทำให้มูลค่าบริษัทในตลาดลดลงมากกว่า 130,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
หุ้นของเฟซบุ๊กดิ่งร่วงลงถึง 24% ลดลงจนต่ำกว่า 170 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น ความกังวลของนักลงทุนเกิดขึ้นหลังบริษัทรายงานรายได้ที่พลาดเป้า และจำนวนผู้ใช้งานเฟซบุ๊กที่ลดลงในยุโรป
โดยกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 1.74 ดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับ 1.72 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อหุ้นจากการประเมินของนักวิเคราะห์ของธอมสัน รอยเตอร์
รายได้อยู่ที่ 13,230 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์คือ 13,360 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากนักวิเคราะห์ และจำนวนผู้ใช้งานรายวันทั่วโลก (DAUs) อยู่ที่ 1,470 ล้านราย เมื่อเทียบกับ 1,490 ล้านราย จากการประเมินของ StreetAccount และ FactSet
นอกจากนี้ ผู้บริหารบริษัทยังออกคำเตือนที่ทำให้นักลงทุนกังวลต่อไปอีก โดย David Wehner ประธานบริหารการเงินระบุว่า ผู้ถือหุ้นสามารถคาดการณ์ได้ว่า การเติบโตของรายได้ในไตรมาส 3 และ 4 จะลดลงเป็นตัวเลข 1 หลัก เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
“ เรามีแผนจะเติบโตและส่งเสริมประสบการณ์อย่าง Stories ที่ปัจจุบันสร้างรายได้ค่อนข้างต่ำ และเรายังให้ผู้ใช้งานที่ใช้บริการของเรามีทางเลือกมากขึ้นเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของรายได้ของเรา ”
นอกจากนี้ เขายังระบุอีกว่า ค่าเงินที่ผันผวนจะส่งผลกระทบกับหุ้นในช่วงครึ่งหลังของปี หลังจากช่วยหนุนมาหลายไตรมาส
Wehner ยังได้ระบุว่า บริษัทคาดการณ์ถึงกำไรที่ลดลง โดยแนวโน้มอัตรากำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 30% กว่าๆ เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ที่อัตรากำไรจากผลการดำเนินงานอยู่ที่ 44%
โดยเป็นผลมาจากการขยายตลาดให้กว้างขึ้น การลงทุนในผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น การเปิดตัวฟอร์แมตวิดีโอแบบยาว, IGTV และการใช้จ่ายเงินทุนเพื่อความปลอดภัยและความมั่นคงที่สูงนับพันล้านดอลลาร์ Wehner กล่าว
“ เราคิดว่า เป็นสิ่งที่ถูกต้องที่จะทำเพื่อธุรกิจในแง่ของการสร้างความมั่นใจให้กับชุมชน ความปลอดภัย และความแข็งแกร่งทนทานของแฟรนไชส์ แต่สิ่งเหล่านี้ไม่แสดงให้เห็นเป็นรายได้อย่างชัดเจน ”
ทั้งนี้ เฟซบุ๊กมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการปกป้องความเป็นส่วนตัวในช่วงหลายเดือนมานี้จากกรณีอื้อฉาวเรื่องข้อมูลผู้ใช้งานนับล้านรั่วไหลไปอยู่ในมือของ Cambridge Ananlytica และการออกกฎ General Data Protection Regulation จากสหภาพยุโรปเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถควบคุมข้อมูลออนไลน์ของพวกเขาได้มากขึ้น
รายงานรายได้ของบริษัทเผยให้เห็นถึงผลกระทบจากกฎ GDPR ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนพ.ค.ทำให้ตัวเลขผู้ใช้งานในยุโรปลดลงแต่รายงานก็ยังเป็นผลกระทบจากฎที่เพิ่งมีในเดือนแรกของการเปลี่ยนแปลงเท่านั้น
“ GDPR ไม่มีผลกระทบต่อรายได้ แต่เราตระหนักว่านี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น เมื่อเรามองไปในอนาคต เราตระหนักว่ายังมีความเสี่ยงอยู่และเรากำลังจับตามองอย่างใกล้ชิด ” Sheryl Sandberg ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของเฟซบุ๊กระบุ.