ศาลสั่งรัฐบาลเกาหลีใต้ชดใช้เหยื่อเรือเซวอล
ศาลเกาหลีใต้มีคำตัดสินให้รัฐบาลจ่ายค่าชดเชยความเสียหายและเยียวยาให้ญาติของเหยื่อที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์เรือเซวอลล่ม
เป็นครั้งแรกที่ศาลมีคำวินิจฉัยว่ารัฐบาลเกาหลีใต้มีส่วนต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์ร้ายแรงที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต โดยอุบัติเหตุเรือเซวอลล่มในปี 2557 มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 304 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียน
“ศาลยอมรับถึงความรับผิดชอบที่ต้องมีการจ่ายค่าชดเชยให้กับโจทก์ เพราะเป็นความประมาทจากภาครัฐและบริษัทชองแฮจิน มารีน ที่ส่งผลให้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น” ศาลระบุเมื่อวันที่ 19 ก.ค. สำนักข่าวยอนฮัปรายงาน
โดยศาลสั่งให้จ่ายเงินค่าชดเชยจำนวน 200 ล้านวอน หรือราว 5.93 ล้านบาท สำหรับผู้โดยสารแต่ละคนที่เสียชีวิต และผู้ปกครองของเด็กๆที่เสียชีวิตจะได้รับเงินเพิ่มอีกรายละ 40 ล้านวอน ขณะที่พี่น้องและญาติ เช่น ปู่ ย่า ตา ยาย จะได้รับเงินชดเชยในสัดส่วนน้อยลงกว่านี้
เจ้าหน้าที่ฝ่ายสอบสวนระบุว่า เรือมีโครงสร้างที่ไม่มั่นคง บรรทุกสินค้าเกินกำหนด และเดินเรือด้วยความเร็วเกินไป
โดยเรือเซวอลล่มลงในขณะแล่นไปที่เกาะเจจูเมื่อวันที่ 16 เม.ย.2557 ในปี 2558 รัฐบาลเกาหลีใต้เสนอจะจ่ายเงินชดเชยเยียวยารายละ 380,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับเด็กนักเรียนที่เสียชีวิตเกือบ 250 ราย แต่ครอบครัวส่วนใหญ่ปฏิเสธที่จะรับ เพราะจะถือเป็นการยุติการสอบสวนไปโดยปริยาย
โศกนาฎกรรมนี้ช็อกคนทั้งประเทศ ประชาชนไม่พอใจรัฐบาลจากมาตรฐานความปลอดภัยที่ต่ำและการกู้ภัยที่ล่าช้า โดยกัปตันเรือถูกศาลสั่งจำคุก 36 ปีในข้อหาประมาทเลินเล่อ
เด็กนักเรียน 325 คน อายุระหว่าง 16 -17 ปีจากร.ร.มัธยมแดนวอน ที่ตั้งอยู่ทางใต้ของกรุงโซล โดยสารไปบนเรือเซวอล ซึ่งเป็นเรือเฟอร์รีข้ามฟากเพื่อไปทัศนศึกษาที่เกาะเจจู
มีรายงานผู้รอดชีวิตเพียง 70 คน โดยเหยื่อผู้รอดชีวิตบางคนให้การว่า พวกเขาต้องลอยตัวออกจากห้องโดยสารเรือ และพนักงานบนเรือส่วนใหญ่ไม่ได้พยายามที่จะช่วยชีวิตผู้โดยสารเลย อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า พนักงานบนเรืออย่างน้อย 3 รายเสียชีวิตจากการพยายามอพยพผู้โดยสาร
ในปีที่แล้ว รัฐบาลกู้ซากเรือเซวอลขึ้นมาหลังเกิดเหตุสลดนานกว่า 3 ปี เชื่อว่ามีร่างของผู้เสียชีวิต 9 รายที่ติดอยู่ในซากเรือ และครอบครัวต้องการนำร่างไปประกอบพิธีทางศาสนา
เหตุการณ์เรือเซวอลล่ม เป็นเหตุเศร้าสลดที่เกิดขึ้นในสมัยของอดีตประธานาธิบดีพัคกึนฮเย ซึ่งมีการสั่งการให้กู้ภัยอย่างล่าช้า ทำให้ประชาชนไม่พอใจเป็นอย่างมาก และเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่เผยว่าเธอมีส่วนรับรู้ในการทุจริตของเพื่อนสนิทของเธอ ยิ่งเป็นเหตุผลทำให้ประชาชนออกมาประท้วงขับไล่เธอ โดยเธอถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งถอดถอนจากตำแหน่งและอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีในศาล.