สีเยือนเอมิเรตส์หลังประกาศข้อตกลงค้าน้ำมัน
ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง เดินทางถึงอาบูดาบีแล้ว เมื่อวันที่ 19 ก.ค. สำหรับการเยือนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นเวลา 3 วัน หลังจากมีการประกาศการซื้อขายน้ำมันและข้อเสนอทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
มกุฎราชกุมารเชค มุฮัมหมัด บิน ซายิด ระบุว่า ทรงยินดีที่ได้ต้อนรับประธานาธิบดีสีจิ้นผิง พร้อมกับโพสต์ภาพบนทวิตเตอร์ เผยให้เห็นประธานาธิบดีของจีนที่กำลังรับดอกไม้ต้อนรับการเดินทางถึงสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
มกุฎราชกุมารเชค ผู้ปกครองอาบูดาบี เมืองหลวงของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตรัสไว้ว่า “ นี่ถือเป็นการเยี่ยมเยือนประเทศครั้งประวัติศาสตร์ และเป็นการแสดงให้เห็นถึงก้าวใหม่ในการร่วมมือกัน สำหรับทุก ๆ สาขา ซึ่งจะยิ่งนำการเติบโต การพัฒนา และความเจริญมาสู่ผู้คนในประเทศของเรา ”
การเดินทางมาเยือนอาบูดาบีของประธานาธิบดีสีจิ้นผิง เกิดขึ้นหลังจากที่ทางประเทศอาหรับได้ประกาศรายละเอียดการยืนยันในข้อเสนอซื้อขายระหว่างสองประเทศเมื่อเช้าของวันที่ 19 ก.ค.
บริษัทอาบู ดาบี แนชันนัล ออยล์ หรือ ADNOC ที่รัฐเป็นเจ้าของ ระบุว่า ทางบริษัทได้มีการตัดสินใจและตกลงกับบริษัทบีจีพี บริษัทลูกของบริษัทไชนา แนชันนัล ปิโตรเลียม หรือ CNPC พร้อมด้วยสัญญา 2 ฉบับ เป็นมูลค่าทั้งหมด 1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 53,509 ล้านบาท สำหรับการสำรวจพื้นที่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
การสำรวจดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อการค้นหาน้ำมันและก๊าซ ทั้งบนบกและนอกฝั่งโดยครอบคลุมบริเวณมากกว่า 53,000 ตร.กม.
สำหรับบริษัท CNPC ได้รับสัญญาสำหรับสัมปทานกับบริษัท ADNOC อยู่แล้วทั้งหมด 2 ฉบับ เป็นมูลค่าราว 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 100,338 ล้านบาท
นอกจากนี้แล้ว บริษัท DP World ที่ทางสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นเจ้าของก็ได้แจ้งให้ทราบเกี่ยวกับการตกลงกันระหว่าง 2 ประเทศ เพื่อที่จะสร้างแหล่งการค้าแห่งใหม่ในดูไบ
โครงการเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างพื้นฐานในชื่อ “One Belt, One Road” หรือเส้นทางสายไหมแห่งศตวรรษที่ 21 ที่มีมูลค่ากว่าล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถือเป็นแผนการที่ฟื้นเส้นทางสายไหมซึ่งเป็นเส้นทางการค้าโบราณ พร้อมด้วยการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายท่าเรือ ถนน และรถไฟทั่วโลก
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นหนึ่งใน 15 ผู้ค้าน้ำมันดิบให้กับจีน โดยมีการส่งออกน้ำมันดิบมายังจีนมากถึง 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 133,904 ล้านบาท ในปีก่อน โดยมีน้ำมันดิบสำรองของประเทศกว่า 96% อยู่ในอาบูดาบี
นอกจากนี้ยังมีสัญญาณที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศที่แข็งแกร่งมากขึ้น โดยบริษัท Emaar Properties ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประกาศเมื่อวันที่ 18 ก.ค. เกี่ยวกับแผนการสร้างไชนาทาวน์ที่ใหญ่ที่สุดของตะวันออกกลาง ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์.