พบเรือรบรัสเซียในทะเลเกาหลีใต้ เชื่อมีทรัพย์สินซ่อนอยู่
เจ้าหน้าที่เก็บกู้ของเกาหลีใต้รายงานการพบซากปรักหักพักของเรือรบรัสเซียที่เชื่อกันว่าบรรทุกทองไว้เป็นมูลค่ามากถึง 130,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 4.3 ล้านล้านบาท
อ้างอิงจากรายงานของสำนักข่าวเทเลกราฟระบุว่า เรือรบลำนี้จมลงก้นทะเลเนื่องจากการรบทางทะเลเมื่อ 113 ปีก่อน ซึ่งเชื่อว่าบรรทุกขุมทรัพย์ทองคำแท่งและเหรียญทองมูลค่ามหาศาล
บริษัทชินอิล กรุ้ป สัญชาติเกาหลีใต้ ระบุว่าทางบริษัทได้พบซากเรือ Dimitrii Donskoi ใกล้กับเกาะอุลลึงโด
ทางสำนักข่าวเทเลกราฟระบุว่า กลุ่มผู้ค้นพบ ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจากทั้งประเทศเกาหลีใต้ อังกฤษ และแคนาดาค้นพบซากเรือดังกล่าวในวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยมีการใช้เรือดำน้ำสำหรับ 2 คนเพื่อเก็บภาพซากเรือใต้น้ำ
ภาพวิดีโอเผยให้เห็นเรือ Dimitrii Donskoi ที่มีร่องรอยการถูกทำลายเป็นวงกว้าง เนื่องจากการต่อสู้กับเรือรบของญี่ปุ่นในปี 2448
นอกจากนี้ ภาพที่เก็บมายังแสดงให้เห็นถึงปืนใหญ่ และปืนดาดฟ้าเรือที่ถูกปกคลุมด้วยสิ่งที่เติบโตใต้ท้องทะเล ทั้งสมอเรือ และพวงมาลัยบังคับเรือ
กลุ่มบริษัทชินอิล ระบุผ่านแถลงการณ์ว่า “ตัวเรือได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากกระสุน ส่วนท้ายเรืออยู่ในสภาพใกล้พัง แต่ส่วนดาดฟ้าเรือและส่วนด้านข้างเรือยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์”
เรือ Dimitrii Donskoi ถูกออกแบบมาให้เป็นเรือสำหรับโจมตีคู่แข่งทางการค้าและขนส่งทางน้ำ โดยได้เข้าร่วมสงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่น ในปี 2447 และดำเนินการอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนรวมถึงตะวันออกไกลเป็นส่วนใหญ่
อ้างอิงจากสำนักข่าวบีบีซี ผู้เชี่ยวชาญบางรายยังคงกังขาเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่เรือลำนี้จะบรรทุกทองเป็นจำนวนมาก โดยตั้งคำถามว่า ทำไมเรือรบจึงจะบรรทุกขุมทรัพย์มูลค่ามากมายไว้
นอกจากนี้ ทางสำนักข่าวบีบีซียังได้รายงานว่า ทางบริษัทเองก็เป็นที่เคลือบแคลง หลังจากที่เว็บไซต์ของเกาหลีใต้อย่างโชซอน บิซ ได้อ้างว่า กลุ่มบริษัทชินอิล เพิ่งถูกก่อตั้งในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา แม้ว่าทางบริษัทจะระบุว่า ทางบริษัทเป็นเพียงตัวแทนของบริษัทหลักอย่างชินอิล คอร์ปอเรชัน ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2500 แล้วก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทผู้อยู่เบื้องหลังการค้นพบเรือลำนี้ ให้สัญญาว่าจะใช้เงินที่ค้นพบส่วนหนึ่งในการลงทุนการสร้างทางรถไฟเชื่อมต่อจากรัสเซียมายังเกาหลีใต้ ผ่านประเทศเกาหลีเหนือ
โดยทางเทเลกราฟได้เสริมว่า ขุมทรัพย์กว่าครึ่งที่ถูกพบ จะถูกส่งให้กับรัฐบาลรัสเซีย ในขณะที่อีก 10% จะถูกส่งต่อให้กับการลงทุนเพื่อการท่องเที่ยวในเกาะอุลลึงโด
และส่วนที่เหลือของขุมทรัพย์จะถูกบริจาคให้กับโครงการเพื่อสนับสนุนการพัฒนาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ.