ฟื้นเศรษฐกิจโสมแดงต้องพึ่งโสมขาว
การสร้างเศรษฐกิจเกาหลีเหนือขึ้นมาใหม่ นอกจากจะต้องใช้เงินมหาศาลนับพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯแล้ว ยังต้องขึ้นอยู่กับนักลงทุนจากเกาหลีใต้อีกด้วย
หลังการประชุมครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯแห่งสหรัฐฯ และประธานาธิบดีคิมจองอึนแห่งเกาหลีเหนือ ความสนใจส่วนใหญ่มุ่งไปที่ความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจเกาหลีเหนือขึ้นมาใหม่
แต่การทำเช่นนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเกาหลีเหนือยังคงถูกคว่ำบาตรและต้องพึ่งพาพันธมิตรอย่างจีนเป็นหลัก นักวิเคราะห์และนักเศรษฐศาสตร์ที่ Citi ประเมินว่า งบประมาณในการสร้างระบบขนส่งและโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของเกาหลีเหนือขึ้นมาใหม่อาจสูงถึง 63,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 2.09 ล้านล้านบาท
“ หากการประชุมที่เพิ่งจบไปนำไปสู่การเปิดกว้างทางเศรษฐกิจของเกาหลีเหนือ เราประเมินว่าจะต้องใช้งบถึง 63,100 ล้านดอลลาร์ในระยะยาวเพื่อสร้างระบบขนส่งคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งรถไฟ ถนน สนามบิน โรงไฟฟ้า เหมือง โรงกลั่นน้ำมัน และท่อก๊าซ ” คิมจินอุ๊ก นักวิเคราะห์จาก Citi กล่าวในรายงานวิจัยเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา
ซึ่งแน่นอนว่าในระยะสั้น เกาหลีใต้ ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านมีศักยภาพที่จะช่วยเหลือในเรื่องนี้ได้ Citi ระบุ โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภาคส่วนการก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง ในระยะกลาง หลายภาคส่วนของเศรษฐกิจเกาหลีใต้สามารถใช้โครงสร้างพื้นฐานที่ปรับปรุงแล้วเพื่อแสวงหาโอกาสทางธุรกิจได้อีก เช่น การสำรวจเหมืองแร่ในเกาหลีเหนือ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะทำกำไร
โดยนักวิเคราะห์มองว่า เกาหลีใต้มีแนวโน้มจะช่วยเหลือทางด้านการเงินในการฟื้นฟูเศรษฐกิจเกาหลีเหนือ ทั้งจากนโยบายธนาคารของภาครัฐ และกองทุนพหุภาคี เพื่อสนับสนุนการลงทุนที่ส่งผลต่อผลกระทบภายนอกและเกี่ยวข้องกับความเสี่ยง
เกาหลีเหนือต้องการความช่วยเหลือด้านโครงสร้างพื้นฐานมาก เพราะที่ผ่านมาถูกคว่ำบาตรจากนานาชาติ ทำให้มีความเข้มงวดกับการค้าและการลงทุนกับต่างประเทศ นอกจากนี้ เกาหลีเหนือยังใช้เงินน้อยมากกับโครงสร้างพื้นฐาน เพราะเทงบให้กับทางกองทัพมากกว่า มีรายงานว่า เกาหลีเหนือใช้งบประมาณทางทหารสูงถึง 23% ต่อจีดีพี ในปี 2548-2558
ขณะที่การสร้างเศรษฐกิจในเกาหลีเหนือจะส่งผลกระทบต่อเกาหลีใต้เพียงเล็กน้อย แต่มูลค่าในการลงทุนจะช่วยหนุนความเชื่อมั่นด้านภูมิรัฐศาสตร์ขึ้นมาได้มาก Citi ระบุ
“ หากมีโครงการแบบด่วนที่มีมูลค่า 11,600 ล้านดอลลาร์สำเร็จลุล่วงได้ภายในหนึ่งปี และบริษัทเกาหลีใต้ถือหุ้น 60% เราประเมินว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของเกาหลีใต้จะปรับเพิ่มขึ้นเพียง 0.07% เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่ได้จะช่วยหนุนความเชื่อมั่นจากเดิมที่มีความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์มากกว่ามูลค่าจริงของงบประมาณที่ใช้ไป ” นักวิเคราะห์ระบุ
โดยนักวิเคราะห์ให้ความเห็นอย่างตรงไปตรงมาเรื่องการเปิดกว้างทางเศรษฐกิจของเกาหลีเหนือว่า จะให้ผลเชิงบวกกับตลาดหุ้น KOSPI ของเกาหลีใต้ รวมทั้งรายได้ด้วย
นักวิเคราะห์ยังได้ประเมินถึง ‘ สถานการณ์ฟ้าสดใส ’ ว่า หากจีดีพีต่อหัวประชากรของเกาหลีเหนือสูงถึง 66% เมื่อเทียบกับระดับเกาหลีใต้ในปัจจุบัน “ บริษัทเกาหลีใต้จะมีโอกาสทางรายได้สูงขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะบริษัทที่ถือหุ้นใหญ่ในธุรกิจเกาหลีเหนือ ”