ประท้วงขอโหวตเบร็กซิทครั้งสุดท้าย
ประชาชนหลายหมื่นคนเดินขบวนประท้วงในกรุงลอนดอนเพื่อเรียกร้องให้มีการโหวตครั้งสุดท้ายของข้อตกลงการออกจากอียูของสหราชอาณาจักร ในวาระครบรอบ 2 ปีของการโหวตเบร็กซิทเมื่อปี 2559
กลุ่มผู้จัดงานของการเดินขบวน People Vote ระบุว่า เบร็กซิทยังไม่ได้เป็นดีลที่สมบูรณ์ และประชาชนต้องการทำให้มีคนรับฟังเสียงของพวกเขา ขณะเดียวกัน ก็มีกลุ่มที่สนับสนุนเบร็กซิทมาเดินขบวนต่อต้านด้วยจำนวนผู้เข้าร่วมหลักร้อย
การเดินขบวนครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากรมว.อาวุโส ทั้งเลียม ฟ็อกซ์และเดวิด เดวิส ยืนยันว่า สหราชอาณาจักรกำลังเตรียมการที่จะเดินออกจากการเจรจาโดยไม่ได้ทำข้อตกลง
การประท้วงครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมฤดูร้อนของกลุ่มที่รณรงค์เรื่องนี้ โดยมีเจตนาเพื่อกดดันนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ และ
หัวหน้าพรรคแรงงานและหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน โดยผู้จัดงานระบุว่า มีผู้เข้าร่วมในการประท้วงมากถึง 100,000 คน แต่ทางตำรวจยังไม่ได้ประเมินตัวเลขผู้ชุมนุมอย่างเป็นทางการ
จีน่า มิลเลอร์ หนึ่งในบรรดาผู้ชุมนุม ซึ่งประสบความสำเร็จในการรณรงค์เพื่อให้แน่ใจว่า สหราชอาณาจักรจะไม่เจรจาเรื่องการออกจากอียูโดยปราศจากความเห็นชอบของสภา โดยเธอกล่าวว่า “ เราต้องยืนหยัดร่วมกัน ทำให้มีคนได้ยินเสียงเรา ให้มีการโหวตของประชาชน เพื่อให้คนรุ่นต่อไปในอนาคตได้ยินเสียงของเรา ว่าเราได้ทำแล้ว เรายืนหยัด ไม่ใช่เวลาที่จะเงียบ”
เซอร์ วินซ์ เคเบิล ผู้นำพรรคเสรีประชาธิปไตยระบุว่า เบร็กซิทยังไม่ใช่ดีลที่สมบูรณ์ และสามารถกลับลำได้ ขณะที่คาโรไลน์ ลูคัส ผู้นำร่วมพรรคกรีนกล่าวกับฝูงชนว่า เบร็กซิทจะเป็นหายนะสำหรับประเทศนี้
เจมส์ แมคกรอรี จากกลุ่มกดดัน Open Britain กล่าวว่า ควรมีทางเลือกระหว่าง การออกจากอียูด้วยข้อตกลงที่รัฐบาลเจรจา หรืออยู่ต่อไปในอียู
ทั้งนี้ สหราชอาณาจักรมีกำหนดต้องออกจากอียูในวันที่ 29 มี.ค.ปี 2562 หลังจากเข้าร่วมประชาคมเศรษฐกิจยุโรปเป็นครั้งแรกเมื่อ 46 ปีก่อน
ก่อนที่จะพัฒนามาเป็นสหภาพยุโรป รัฐบาลจะให้สภาโหวตในการทำข้อตกลงสุดท้าย ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง แต่ยังคงไม่ชัดเจนว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากพวกเขาปฏิเสธ
โคลิน ฮอปคินส์ วัย 62 ปีจากอิปสวิชระบุว่า “ เป็นเรื่องสำคัญจริงๆ ที่จะบอกว่า เราไม่ได้ขัดแย้งการตัดสินใจ แต่เป็นเรื่องกระบวนการและจุดหมายปลายทาง ไม่มีข้อตกลงเรื่องที่เรา หรือรัฐบาลต้องการ และเรามีสิทธิในการแสดงความเห็นเป็นครั้งที่ 2 “
เลสลีย์ ฮาส ครูจากโรงเรียน Bury St EDmunds กล่าวให้ความเห็นว่า “ อนาคตของพวกเขาคืออะไร บริษัทหลายแห่งกำลังจะย้ายไปแล้วซึ่งดูจะมีผลกระทบเรื่องงานด้วย ฉันเป็นครูสอนภาษาเยอรมัน และกังวลว่าแนวคิดเรื่องเบร็กซิทจะทำให้ยากขึ้นในการเรียนรู้ภาษาต่างๆที่นี่ หากเรื่องนี้ผ่าน เราจะไป” ”
ขณะที่เจเนต วัตต์ส์ จาก Suffolk กล่าวว่า เธอเข้าร่วมเดินขบวนเพื่อแม่ของเธอ ซึ่งเดินทางมาจากเดนมาร์ก และมาถึงอังกฤษในปี 2506
“ แม่ประทับตราพาสปอร์ตที่นี่ เมื่อแม่ออกมาจากเรือที่ฮาร์วิช ฉันบอกแม่ว่าแม่อยู่ได้ ฉันคิดว่าเป็นเรื่องน่าละอายที่ทำให้ครอบครัวมีความเสี่ยงและทำให้แม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ในวัย 83 “
แต่ชาเซีย ฮอบส์ ซึ่งเข้าร่วมการเดินขบวนสนับสนุนเบร็กซิทกล่าวว่า “ การเดินขบวนของพวกเขางี่เง่าสิ้นดี เราโหวตเพื่อจะออก เราก็ควรออกพวกเราต้องการอะไรอีก เราโหวตให้เบร็กซิทนะ ”
ส.ส.ปีเตอร์ โบน ซึ่งสนับสนุนเบร็กซิท กล่าวว่า “ หากมีการโหวตครั้งที่ 2 เบร็กซิทก็ชนะอีก มีคน 17.4 ล้านคนที่โหวตให้ออกจากอียู และมีไม่กี่พันคนในลอนดอนที่โวยวายเรื่องนี้ ซึ่งดูจะไม่ทำให้เกิดความแตกต่างมากนัก”.