สหรัฐฯ เปิดตึกการทูตในไต้หวัน
สหรัฐฯจะเผยโฉมสถานทูต (ทางพฤตินัย) แห่งใหม่มูลค่า 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในกรุงไทเปของไต้หวันในวันที่ 12 มิ.ย. เป็นอาคารที่เน้นถึงยุทธศาสตร์ความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวันที่มีประชาธิปไตยและมีอิสระ แม้สหรัฐฯกำลังเผชิญกับความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นกับจีนก็ตาม
วอชิงตันตัดความสัมพันธ์กับไทเปไปในปี 2522 แต่ยังคงเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งที่สุดและเป็นซัพพลายเออร์ด้านอาวุธจากต่างประเทศเพียงรายเดียวของไต้หวัน รวมถึงยังได้เปิด American Institute of Taiwan (AIT) เพื่อให้ยังคงความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายอยู่ หลังตัดสัมพันธ์ทางการทูตไปแล้ว
Kin Moy ผอ.AIT ระบุว่า อาคารหลังใหม่ ซึ่งเป็นการยกระดับอย่างเห็นได้ชัดจากอาคารทางทหารลับๆที่ AIT ใช้มานานหลายทศวรรษ ให้กลายเป็นสถานที่ทำงานของตัวแทนนักการทูตสหรัฐฯ ในฤดูร้อนนี้
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่า Marie Royce รมช.กระทรวงต่างประเทศ ด้านกิจการการศึกษาและวัฒนธรรม และส.ส. Gregg Harper จะมาเข้าร่วมในพิธีฉลองในวันที่ 12 มิ.ย.นี้ โดย Royce ถือเป็นตัวแทนจากกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ที่อยู่ในตำแหน่งระดับสูงที่สุดที่มาเยือนไต้หวัน นับตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา
ทั้งนี้ จีนอ้างว่า ไต้หวันเป็นเขตปกครองตนเองภายใต้นโบาย ‘จีนเดียว’ และจีนยังไม่เคยประกาศการใช้กำลังกับไต้หวัน เพราะมองว่าไต้หวันเป็นมณฑลหนึ่งภายใต้การควบคุมของจีน
แต่ความเป็นปรปักษ์ของจีนที่มีต่อไต้หวันขยายตัวเติบโตขึ้น หลังจากประธานาธิบดีไช่อิงเหวินชนะการเลือกตั้งเข้ามาในปี 2559 โดยทางจีน
มีความกังขาว่า ประธานาธิบดีไช่ต้องการผลักดันให้ไต้หวันมีการประกาศอิสรภาพจากจีนอย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นการล้ำเส้นสำหรับบรรดาผู้นำของพรรคคอมมิวนิสต์ในปักกิ่ง
คาดการณ์ว่า ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ซึ่งเคยแถลงว่าเธอต้องการคงสถานภาพในปัจจุบันกับจีนไว้ แต่จะปกป้องความมั่นคงของไต้หวัน และจะไม่ยอมถูกกลั่นแกล้งจากจีนอย่างเด็ดขาด จะมีการกล่าวสุนทรพจน์ที่อาคารหลังใหม่ของ AIT ในวันที่ 12 มิ.ย.นี้ด้วย
หนังสือพิมพ์ที่มีผู้อ่านแพร่หลายในจีนอย่าง Global Times ระบุเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ว่า จีนจำเป็นต้องเตือนไต้หวันและสหรัฐฯถึงท่าทีการยัวยุที่เกิดขึ้นในครั้งนี้
“จีนจำเป็นต้องมีการป้องปรามทางการไต้หวัน เพื่อให้ไต้หวันรู้ว่า สหรัฐฯ ไม่สามารถให้ความช่วยเหลือไต้หวันได้” อ้างอิงจากบทบรรณาธิการในสื่อ Global Times ในช่วงการเปิดตัวอาคารสำนักงานทางการทูตแห่งใหม่
ทั้งนี้ ไต้หวันเพิ่งสูญเสียสองพันธมิตรทางการทูตไป หลังจากทั้งสองประเทศประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตและหันไปซบจีน ขณะที่บริษัทนานาชาติบางแห่งมีการเปลี่ยนแปลงเว็บไซต์เพื่อแสดงให้เห็นว่า ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน
จีนยังได้ยกระดับการซ้อมรบทางทหาร ด้วยการส่งเครื่องบินทิ้งระเบิด และเครื่องบินเจ๊ตต่อสู้ในพื้นที่ใกล้เกาะ และไต้หวันได้ประณามจีนว่าเป็นการข่มขู่
ทั้งนี้ ไต้หวันล็อบบี้ทางวอชิงตันไม่ให้ขายอุปกรณ์ทางการทหารที่ก้าวหน้ามากขึ้นให้จีน ซึ่งรวมถึง เครื่องบินเจ๊ตต่อสู้กลุ่มใหม่เพื่อสนับสนุนฝ่ายกลาโหมของจีน.