อิเกียใช้วัสดุเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมภายในปี 2573
บริษัทอิเกีย ผู้ค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สัญชาติสวีเดน วางแผนที่จะใช้วัสดุซึ่งทดแทนใหม่และใช้ซ้ำได้ สำหรับการผลิตภายในปี 2573 โดยเป็นความตั้งใจล่าสุดที่จะลดการส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
อินเตอร์ อิเกีย ผู้เป็นเจ้าของแบรนด์อิเกีย ระบุเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ว่าทางบริษัทต้องการที่จะลดผลกระทบจากผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นที่มีต่อภูมิอากาศให้มากกว่า 2 ใน 3 ภายใน 10 ปีข้างหน้า
โฆษกของอินเตอร์ อิเกีย ระบุว่า ขณะนี้ทางบริษัทอิเกียใช้วัสดุทดแทนใหม่แล้วกว่า 60% นอกจากนี้ยังมีการใช้วัสดุใช้ซ้ำแล้วเกือบ 10%
Torbjorn Loof ซีอีโอของอินเตอร์ อิเกีย ระบุผ่านแถลงการณ์พร้อมเอกสารเกี่ยวกับกลยุทธ์ของกลุ่มบริษัทในปี 2573 เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนว่า “ด้วยขนาดและขอบเขตของทางบริษัท ทำให้เรามีโอกาสในการสร้างแรงบันดาลใจและทำให้ผู้คนมากกว่า 1 พันล้านคนได้ใช้ชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ภายใต้ขีดจำกัดของโลกใบนี้”
“เรามุ่งมั่นที่จะรับบทบาทผู้นำ พร้อมทำงานร่วมกับทุกคน ตั้งแต่ซัพพลายเออร์วัตถุดิบ ไปจนถึงลูกค้าและพันธมิตรของเรา”
อินเตอร์ อิเกีย เข้าร่วมกับกลุ่มบริษัททั่วโลกที่มีการเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยกลุ่มบริษัทเหล่านี้ตั้งเป้าที่จะดำเนินการธุรกิจให้มีความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น แม้ว่าจะมีข้อกังขาว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้พอแล้วหรือไม่ และกลุ่มบริษัทเหล่านี้ควรลงมือมากกว่านี้หรือไม่
รายงานของธอมป์สัน รอยเตอร์ ไฟแนนเชียล แอนด์ ริสก์เมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมาเผยให้ทราบว่า บริษัทใหญ่ระดับโลกกว่า 250 บริษัท ทำการปล่อยก๊าซเรือนกระจกนับเป็น 1 ใน 3 ของประชากรทั้งโลก แต่มีเพียงไม่กี่บริษัทที่มีเป้าหมายการจำกัดไม่ให้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้นที่ชัดเจน
แผนของอินเตอร์ อิเกีย เป็นแผนแรกที่มุ่งเป้าหมายไปยังร้านค้าของอิเกียทั้งหมด ส่วนใหญ่มีการดำเนินการบริหารโดยอิเกีย กรุ๊ป แต่บางส่วนก็มีการบริหารโดยผู้ซื้อแฟรนไชส์รายอื่น
โดยรวมแล้ว มีร้านค้าอิเกียทั้งหมด 418 แห่งใน 49 ประเทศ ยอดค้าปลีกนับตั้งแต่เดือน ส.ค.กระทั่งปัจจุบันรวมแล้วมีมูลค่า 38,300 ล้านยูโร หรือ 1.4 ล้านล้านบาท
อินเตอร์ อิเกีย กำหนดเป้าหมายที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ก็เพื่อลดผลกระทบจากร้านค้าและการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อภูมิอากาศ ให้ได้ 80% จากปี 2559 ตามเงื่อนไขอย่างแท้จริงภายในปี 2537
แบรนด์ระดับโลกอย่าง H&M โคคา-โคล่า และโซนี ก็ได้ให้คำมั่นที่จะปฏิบัติตามเป้าหมายบนพื้นฐานวิทยาศาสตร์ โดยคาดหวังว่าจะช่วยทำให้อุณหภูมิโลกลดลง 2 องศาเซลเซียส เป็นเป้าหมายที่ตกลงกันในสนธิสัญญาปารีสเมื่อปี 2558
โครงการเป้าหมายบนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ หรือ Science Based Targets Initiative เป็นการรวมตัวกันระหว่าง โครงการเปิดเผยข้อมูลคาร์บอน (Carbon Disclosure Project) สถาบันทรัพยากรโลก (World Resources Institute) กองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (World Wide Fund for nature) และข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact)
ทางอินเตอร์ อิเกีย ยังได้กล่าวอีกว่า จะทำการยกเลิกการขายสินค้าที่ใช้วัสดุเป็นพลาสติกใช้แล้วทิ้งออกทั้งหมดรวมถึงในร้านอาหารของอิเกีย ภายในปี 2563 และอิเกีย กรุ๊ป จะเปิดตัวเทคโนโลยีแสงอาทิตย์สำหรับบ้านเรือนภายในปี 2568 ใน 29 ตลาดทั่วโลก.