ทรัมป์ต้อนรับอาเบะ ก่อนประชุมคิม
เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ไม่ถึงสัปดาห์ก่อนการประชุมกับผู้นำเกาหลีเหนือ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ได้เป็นเจ้าภาพในการเลี้ยงต้อนรับนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะแห่งญี่ปุ่น ซึ่งต้องการให้มีการรับฟังเสียงของเขาก่อนการประชุม
ประธานาธิบดีทรัมป์และนายกฯอาเบะได้จัดให้มีการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวในช่วงบ่าย ก่อนที่จะไปแคนาดาเพื่อเข้าร่วมในการประชุมกลุ่มประเทศ G-7 ที่บรรยากาศมืดมนด้วยนโยบายการค้าของผู้นำสหรัฐฯที่แข็งกร้าว
นับตั้งแต่มีการยืนยันว่าจะมีการประชุมสุดยอดผู้นำทรัมป์ – คิม ญี่ปุ่นย้ำหลายครั้งว่าทางวอชิงตันต้องรอบคอบระมัดระวัง อย่าให้ทางเกาหลีเหนือมีช่องทางบ่ายเบี่ยงเรื่องการยกเลิกอาวุธนิวเคลียร์ในประเทศได้
และการไปเยือนวอชิงตันเพื่อพูดคุยกับทรัมป์เป็นครั้งที่ 2 ในเวลาไม่ถึง 2 เดือน อาเบะต้องการให้แน่ใจว่า ผู้นำสหรัฐฯเข้าใจในประเด็นของเขาอย่างชัดเจน ท่ามกลางบรรยากาศทางการทูตที่ตื่นเต้นโกลาหลในคาบสมุทรเกาหลี
ก่อนออกเดินทางจากโตเกียว ผู้นำญี่ปุ่นย้ำเรื่องนี้ก่อนที่จะเดินทางแบบสายฟ้าแลบมาที่วอชิงตัน เขาหวังที่จะมีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดและเห็นพ้องกับทรัมป์เรื่องประเด็นการพูดคุยกับเกาหลีเหนือ และเขากำหนดกรอบอย่างชัดเจนถึงสิ่งที่ต้องพูดคุยในการประชุมสุดยอดผู้นำในสิงคโปร์วันที่ 12 มิ.ย.เพื่อให้สำเร็จลุล่วง คือกระบวนการให้เกาหลีเหนือยกเลิกอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธพิสัยไกล รวมถึงตอบคำถามเรื่องชาวญี่ปุ่นที่ถูกเกาหลีเหนือลักพาตัวไปเมื่อ 40 – 50 ปีก่อน
ในการประชุมของทั้งสองประเทศล่าสุดเมื่อเดือนเม.ย. ทรัมป์สัญญากับอาเบะว่า จะหยิบยกเรื่องการลักพาตัวชาวญี่ปุ่นไปขึ้นมาพูดคุยกับเกาหลีเหนือ
Richard Armitage อดีตนักการทูตอาวุโสในสมัยอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช มองว่า ญี่ปุ่นกำลังมีความเสี่ยงสูงที่พบว่าตัวเองไม่ถูกเชิญให้เข้ารวมกลุ่มหลังการประชุมทรัมป์ – คิม
“ เราควรป้องกันอย่างถึงที่สุดไม่ให้เกิดการเปลี่ยนขั้ว ขั้วอำนาจของความมั่นคงญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ” เขากล่าวกับสื่อ AFP
“ เรื่องนี้เคยเป็นเป้าหมายของจีนและเกาหลีเหนือมานาน และเราไม่อาจยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้น มันจะกลายเป็นการตกลงไปในหลุมพรางที่เลวร้าย ”
จนถึงตอนนี้ ทรัมป์และอาเบะดูจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แม้ความเป็นมิตรไมตรีจะแสดงออกให้เห็นอย่างจำกัดในการพบกันครั้งล่าสุดก็ตาม
เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. อาจเป็นการทดสอบอีกครั้ง นอกเหนือจากเรื่องเกาหลีเหนือ ทั้งสองคนยังพยายามที่จะพูดคุยกับเรื่องปัญหาของภาษี ซึ่งทางวอชิงตันระบุว่า เป็นการปรับขึ้นเพื่อปกป้องแรงงานอเมริกัน
“ ผมจะเน้นว่า มาตรการที่เคร่งครัดทางการค้าจะไม่เป็นประโยชน์กับประเทศใด ” อาเบะกล่าวก่อนจะมุ่งหน้าไปวอชิงตัน
ญี่ปุ่นหวังจะโน้มน้าวให้สหรัฐฯ ปกป้องญี่ปุ่นให้ได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมใหม่ และไม่ได้ซ่อนท่าทีความผิดหวังเมื่อการพูดคุยล้มเหลว รัฐบาลในโตเกียวได้เตือนถึงผลกระทบจากภาษีสหรัฐฯ ที่มีต่อความสัมพันธ์ทวิภาคีและระบบการค้าโลก
“ มาตรการการค้าของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เน้นความมั่นคงของประเทศ ทำให้เราเป็นห่วงว่าอาจจะทำลายตลาดทั่วโลก ” โยชิฮิเดะ ซูกะ โฆษกรัฐบาลกล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.