ปูตินเผยคุยทรัมป์ประจำ
ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซียกล่าวว่า เขาและประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์คุยโทรศัพท์กันเป็นประจำ และทั้งคู่ทำงานเข้ากันได้ดีในการสู้กับการก่อการร้ายระหว่่างประเทศ และแย้มว่าการประชุมระหว่างทั้งสองคนคงไม่มีขึ้นในเร็ววันนี้
โดยผู้นำรัสเซียกล่าวให้สัมภาษณ์กับช่อง ORF ของโทรทัศน์ออสเตรียก่อนหน้าการไปเยือนเวียนนาเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ว่า เขาเห็นด้วยอย่างยิ่งกับผู้นำสหรัฐฯ ที่ว่า มีความเป็นไปได้ที่การแข่งขันกันทางอาวุธครั้งใหม่ระหว่างหลายประเทศต้องยุติลง และหวังว่าผู้นำทั้งสองจะสามารถร่วมมือกันเพื่อป้องกันไม่ให้มีเหตุร้ายเกิดขึ้น
ประธานาธิบดีปูตินกล่าวถึงการคุยโทรศัพท์ครั้งล่าสุดว่า “ โดนัลด์บอกว่า เขากังวลเรื่องการแข่งขันกันสะสมอาวุธครั้งใหม่ ”
“ ผมเห็นด้วยอย่างเต็มที่กับเขา อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันไม่ให้มีการสะสมอาวุธ เราควรทบทวนเรื่องนี้ เราควรทำอะไรบางอย่าง ชี้แนะแนวทางกับกระทรวงต่างประเทศของเราและสหรัฐฯ ” ปูตินเสริม
เมื่อถูกถามว่า ทำไมยังไม่มีการประชุมทวิภาคีระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียตั้งแต่ทรัมป์เป็นผู้นำสหรัฐฯ ปูตินกล่าวว่า เขาได้พบกับทรัมป์มากกว่าหนึ่งครั้งในการประชุมระดับนานาชาติ แต่ส่งสัญญาณว่ายังไม่มีแผนด่วนที่จะจัดให้มีการประชุมอย่างเป็นทางการของทั้งสองประเทศ
“ ผมคิดว่า ความเป็นไปได้ของการประชุม ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางการเมืองภายในของสหรัฐอเมริกา ” ปูตินกล่าว “ มีการเตรียมการเลือกตั้งระดับสภาและจะมีการเลือกประธานาธิบดีคนต่อไป และประธานาธิบดีสหรัฐฯถูกโจมตีจากรอบทิศทางในหลายประเด็น ผมคิดว่านี่เป็นเหตุผลหลัก ”
ในเดือนเม.ย. ทำเนียบขาวยืนยันว่า ประธานาธิบดีทรัมป์และปูตินพูดคุยกันถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการประชุมในทำเนียบขาวในอนาคตอันใกล้ ระหว่างการคุยโทรศัพท์เมื่อเดือนพ.ค.
ทั้งนี้ อดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามาและจอร์จ บุชต่างเคยพบกับผู้นำรัสเซียตั้งแต่เข้าดำรงตำแหน่ง โดยโอบามาเดินทางไปเครมลินในเดือนก.ค.ปี 2552 เพื่อพบกับประธานาธิบดีรัสเซียในช่วงเวลานั้นคือ ดีมิทรี เมดเวเดฟ และปูติน ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรี
ขณะที่ทรัมป์และปูตินคุยโทรศัพท์กันทั้งหมด 8 ครั้ง อ้างอิงจากทำเนียบขาว พวกเขาเคยพบกัน 2 ครั้ง ครั้งแรกในการประชุมทวิภาคีอย่างเป็นทางการในเยอรมนี และอีกครั้งในการพูดคุยนอกรอบของการประชุมสุดยอดผู้นำที่เวียดนาม
ในการให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.ปูตินปฏิเสธคำอ้างที่ว่า ผู้นำรัสเซียกำลังหาหนทางคงความสัมพันธ์กับพรรคชาตินิยมในยุโรปเพื่อให้เกิดความแตกแยกมากขึ้นในทวีปยุโรป
“ ไม่ใช่เป้าหมายของเราที่จะแบ่งแยกอะไร หรือใครในยุโรป ในทางตรงกันข้าม เราต้องการเห็นสหภาพยุโรปที่เป็นหนึ่งเดียวและมั่งคั่ง เพราะสหภาพยุโรปคือหุ้นส่วนทางการค้าและเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของเรา ยิ่งมีปัญหามากขึ้นในยุโรป ยิ่งมีความเสี่ยงและความผันผวนมากขึ้นสำหรับเรา ”
เขายังได้ปฏิเสธคำกล่าวหาที่ว่า เขาเป็นเหมือนพระเจ้าซาร์ของรัสเซีย เพราะปกครองประเทศในตำแหน่งประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีมาอย่างยาวนานถึง 18 ปี
“ ไม่จริงหรอก เป็นคำกล่าวที่ผิดจากความจริง เพราะรัสเซียเป็นประเทศประชาธิปไตย และเราอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ ” ผู้นำรัสเซียกล่าว
อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกถามว่าเขายังคงมีอำนาจในฐานะนายกรัฐมนตรีต่อไปหรือไม่ หลังจากสิ้นสุดวาระการเป็นประธานาธิบดีในปี 2567 ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดให้เป็นสมัยสุดท้ายของเขา ปูตินไม่ได้ ตอบรับหรือปฏิเสธ
“ วาระการเป็นประธานาธิบดีของผมเพิ่งเริ่มต้นขึ้น ผมยังอยู่ในช่วงแรกของการเดินทาง อย่าเพิ่งคิดไปล่วงหน้าเลย ไม่เคยละเมิดรัฐธรรมนูญของประเทศ และจะไม่พยายามทำต่อไปด้วย ”