กาตาร์ยิ่งแกร่งหลังถูกบล็อก
หนึ่งปีหลังจากการ์ตาถูกประเทศเพื่อนบ้านบล็อกทุกช่องทาง การ์ตากลับเป็นประเทศที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา คาลิด บิน โมฮัมหมัด อัล อัททิยาห์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกิจการกลาโหมของการ์ตาระบุมื่อวันที่ 3 มิ.ย.
เดือนมิ.ย.ปี 2560 ประเทศกลุ่มอ่าวอาหรับคือ ซาอุดิอาระเบีย บาห์เรน อียิปต์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้มีการประกาศการบล็อกการ์ตาในทุกช่องทาง ทั้งทางบก ทางทะเลและทางอากาศ เพื่อเป็นการปิดกั้นไม่ให้ประเทศสามารถส่งออกก๊าซธรรมชาติได้อย่างราบรื่นเหมือนเคย มีการเข้มงวดในด้านการเดินทางและการนำเข้าสินค้า โดยความเคลื่อนไหวครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางอาหารในกลุ่มประเทศอ่าวอาหรับ และก่อให้เกิดวิกฤตทางการทูตไปทั่วทั้งภูมิภาค
แต่หลังจากเกิดวิกฤตมาครบหนึ่งปี เศรษฐกิจของการ์ตากลับมีแรงขับเคลื่อนให้รุดหน้า อ้างอิงจากอัล อัททิยาห์ จากการผลิตสินค้าของประเทศ ทั้งเวชภัณฑ์และอาหารมีการขยายตัวเติบโตขึ้น แม้รัฐมนตรีจะยังไม่ได้ทำการประเมินอย่างละเอียดว่าการผลิตเพิ่มขึ้นมากเพียงใดก็ตาม
“ ที่ผ่านมา เราสามารถรับมือกับพายุที่ถาโถมอย่างรุนแรง และสามารถเกิดใหม่ได้อย่างแข็งแกร่งกว่าที่เคยเป็นมาในอดีต ” นักการเมืองกล่าวในการประชุม Shangri- La Dialogue ซึ่งเป็นการประชุมสุดยอดรมว.กลาโหมและความมั่นคงทั่วโลก ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในสิงคโปร์
ทั้งสี่ประเทศคือ ซาอุดิอาระเบีย บาห์เรน อียิปต์และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กล่าวหาการ์ตาว่าให้การสนับสนุนทางการเงินกับผู้ก่อการร้าย และยืนยันที่จะทำการปิดกั้นต่อไปจนกว่ารัฐบาลของชีค ทามิน บิน ฮามัด อัล ทานิจะปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของทั้งสี่ประเทศ คือการปิดเครือข่ายสำนักข่าวอัลจาซีรา และลดระดับความสัมพันธ์กับอิหร่านลง
อย่างไรก็ตาม ทางการ์ตาได้ปฏิเสธเงื่อนไขเหล่านั้น โดยอ้างว่า เป็นการละเมิดอธิปไตยของประเทศอย่างรุนแรง
การปิดกั้นประเทศเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมและไม่ถูกกฎหมาย อัล อัททิยาห์ อธิบายเรื่องนี้ว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน “ แต่ประเทศต้องจัดการให้เอาชีวิตรอดให้ได้หมดก่อน ต้องขอขอบคุณประเทศพันธมิตรใหม่ๆของเรา ”
โดยประเทศที่เป็นพันธมิตรและมีความสัมพันธ์ใหม่ๆ อยู่ในเอเชีย ที่ซึ่งทางโดฮาต้องการแสวงหานักลงทุนต่างชาติ จากการให้สัมภาษณ์สื่อ CNBC ในเดือนมี.ค.โดยยูซุฟ โมฮาเหม็ด อัล-ไจดา ซีอีโอของศูนย์การเงินของการ์ตา