ว่างงานสหรัฐฯต่ำสุดในรอบ 18 ปี
เศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงเพิ่มการจ้างงานอย่างแข็งแกร่งในเดือนพ.ค. ด้วยตัวเลขงานที่ไม่ใช่ภาคเกษตรกรรมถึง 223,000 อัตรา และการว่างงานลดลงในรอบ 18 ปีลงมาอยู่ที่ 3.8% อ้างอิงจากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐฯเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.
ก่อนหน้านี้ นักเศรษฐศาสตร์ในสหรัฐฯคาดการณ์ว่า การจ้างงานจะเติบโตอยู่ที่ 188,000 อัตรา และการว่างงานจะคงที่อยู่ที่ 3.9%
ตัวเลขการว่างงานลดลงต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปี 2543 เป็นต้นมา ขณะที่ระดับการว่างงานในกลุ่มแรงงานที่ถูกบั่นทอนกำลังใจและกลุ่มที่ทำงานพาร์ทไทม์ด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจลดลงมาอยู่ที่ 7.6% เป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดตั้งแต่เดือนพ.ค.ปี 2544 เป็นต้นมา ขณะที่ลดลงมา 0.1 จุดในด้านการมีส่วนร่วมในกำลังแรงงานอยู่ที่ 62.7% ต่ำที่สุดในปีนี้ ซึ่งมาจากอัตราการว่างงานที่ลดลง
จากการจับตาดูอย่างใกล้ชิด ค่าเฉลี่ยรายได้ต่อชั่วโมงเพิ่มขึ้น 0.3% อย่างที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งคิดเป็น 2.7% ต่อปี ปรับเพิ่มขึ้นมา 0.1 จุดจากเดือนเม.ย.
“ การจ้างงานในเดือนนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ สูงขึ้นมาอีกครั้ง จากความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน เดือนพ.ค.แสดงให้เห็นถึงโมเมนตัมที่มั่นคงของงานและบรรเทาความกังวลของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคิดว่าการจ้างงานเริ่มที่จะชะลอตัวหลังจากรายงานของเดือนก่อน.” Steve Rick หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำ CUNA Mutual Group กล่าว
งานที่มีการจ้างงานมาจากค้าปลีก 31,000 อัตรา ดูแลสุขภาพ 29,000 อัตรา การก่อสร้าง 25,000 อัตรา บริการมืออาชีพและเทคนิค 23,000 อัตรา การคมนาคมขนส่งและคลังสินค้า เพิ่มเป็น 19,000 อัตรา ขณะที่การผลิตมีการจ้างงาน 18,000 อัตราและเหมืองแร่เติบโตถึง 6,000 อัตรา
ระดับการจ้างงานอเมริกันที่อยู่ในการสำรวจครัวเรือนอีกชิ้นหนึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 293,000 อัตรา ขณะที่ตัวเลขคนว่างงานลดลงมา 281,000 คนโดยตัวเลขคนว่างงานอยู่ในระดับที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปี 2544 เป็นต้นมา
โดยตัวเลขคนว่างงานที่เป็นคนผิวสีในสหรัฐฯ ลดลงมาต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 5.9% และ 2% สำหรับชาวเอเชียในสหรัฐฯ
ขณะที่การสร้างงานโดยรวมถูกบิดเบือนในแง่งานประจำเต็มเวลา ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 904,000 อัตรา ขณะที่งานพาร์ทไทม์ลดลงมาเหลือ 625,000 ตำแหน่ง
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ช่วยผลักดันให้รายงานเกี่ยวกับงานที่แข็งแกร่งเป็นที่รับรู้ในวงกว้างยิ่งขึ้น ด้วยการทวีตประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อนที่จะมีการเผยแพร่ข่าวว่า เขาเฝ้ารอคอยรายงานนี้ โดยปกติแล้ว ประธานาธิบดีจะรับทราบรายงานก่อนในคืนก่อนที่จะมีการเผยแพร่รายงาน
“ อย่างที่เคยพูดไว้หลายครั้งหลายหนจากผู้สนับสนุนประธานาธิบดี รวมทั้งผู้ที่วิจารณ์เขา นี่เป็นอีกกรณีหนึ่งที่น่าจะดีกว่าสำหรับประธานาธิบดีทรัมป์ที่จะใช้เวลาของเขาทำอย่างอื่นที่แทนที่การทวีตข้อความ” Mark Henrick นักวิเคราะห์เศรษฐกิจอาวุโสของ Bankrate.com กล่าว.