เดนมาร์กแบนผ้าคลุมแบบเต็มหน้าของมุสลิมในที่สาธารณะ
เมื่อวันที่ 31 พ.ค. ประเทศเดนมาร์กได้กลายเป็นประเทศล่าสุดในยุโรปที่สั่งห้ามไม่ให้สวมผ้าคลุมของชาวมุสลิมที่ปิดบังใบหน้าทั้งหมดในพื้นที่สาธารณะ ในขณะที่กลุ่มนักรณรงค์เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนต่างออกมาวิจารณ์โดยระบุว่าเป็น “การละเมิดสิทธิสตรี”
กฎหมายระบุไว้ว่า “ผู้ใดที่สวมเครื่องแต่งกายซึ่งปิดบังใบหน้าของตนในพื้นที่สาธารณะ จะถูกลงโทษโดยการปรับเงิน” โดยกฎหมายนี้ผ่านการโหวตจากรัฐสภาไป 75 ต่อ 30 คะแนนเสียง
กฎหมายดังกล่าวได้รับการเสนอโดยรัฐบาลกลางฝ่ายขวาของเดนมาร์ก นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากพรรคประชาธิปไตยสังคม และพรรคประชาชนเดนมาร์ก ซึ่งเป็นฝ่ายขวาจัดอีกด้วย
กฎหมายใหม่นี้จะมีผลบังคัยใช้ในวันที่ 1 ส.ค.ที่จะถึงนี้ สำหรับการสวมเครื่องแต่งกายของศาสนาอิสลามในพื้นที่สาธารณะ ทั้งบุรกา ซึ่งปิดบังใบหน้าผู้สวมใส่ทั้งหมด หรือ นิกาบ ซึ่งจะเปิดเผยเพียงแค่ดวงตา จะทำให้ผู้สวมใส่ถูกปรับเป็นจำนวนเงิน 1,000 โครน หรือ 3,917.35 บาท
นอกจากนี้แล้ว การสั่งห้ามยังได้รวมไปถึงเครื่องประดับอื่น ๆ ที่ปิดบังใบหน้า อย่างเช่นหมวกไหมพรมคลุมหน้า และเคราปลอม สำหรับการทำผิดกฎในข้อหาเดิมซ้ำจะถูกปรับ 10,000 โครน หรือ 39,177.93 บาท โดยทางเดนมาร์กยังไม่ทราบว่ามีผู้หญิงที่สวมใส่นิกาบและบุรกามากเท่าไร
ด้านผู้สนับสนุนหนุนคำสั่งห้ามดังกล่าวโดยระบุว่าเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้อพยพชาวมุสลิมได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสังคมเดนมาร์กได้ดียิ่งขึ้น
แต่ทางแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือองค์การนิรโทษกรรมสากลประณามกฎหมายดังกล่าวว่า “เป็นการแบ่งแยกโดยละเมิดสิทธิสตรี” โดยเฉพาะต่อหญิงชาวมุสลิมที่เลือกจะสวมใส่ผ้าคลุมใบหน้าทั้งหมด
Gauri van Gulik ผู้อำนวยการชาวยุโรปขององค์การดังกล่าวระบุผ่านแถลงการณ์ภายหลังการโหวตในรัฐสภาว่า “ในขณะที่ข้อจำกัดที่สร้างมาโดยเฉพาะบางข้อเกี่ยวกับการสวมใส่ผ้าคลุมใบหน้าเเบบเต็มรูปแบบ โดยจุดประสงค์เกี่ยวกับความปลอดภัยในพื้นที่สาธารณะจะถูกต้องตามสมควรแล้ว แต่กฎหมายนี้ถือว่าไม่มีความจำเป็น หรือไม่มีเหมาะสม และยังเป็นการละเมิดสิทธิทางการแสดงออกและทางศาสนาอย่างเป็นอิสระอีกด้วย”
เธอเสริมว่า “หากเจตนารมณ์ของกฎหมายคือการปกป้องสิทธิสตรีแล้วละก็ ก็ถือว่าพลาดอย่างน่าเวทนา ในทางตรงกันข้าม กฎหมายนี้กลับทำให้ผู้หญิงเหล่านั้นเป็นอาชญากรเพราะการเลือกแต่งตัวของพวกเธอ และการทำแบบนี้ก็ถือว่าขัดกับการสนับสนุนอิสรภาพอย่างที่มักจะอวดอ้างกันในเดนมาร์ก”
ผ้าคลุมเต็มใบหน้ากลายเป็นประเด็นเดือดไปทั่วยุโรป ในปีก่อน ศาลสิทธิมนุษยชนของยุโรปได้ผลักดันการห้ามไม่ให้สวมใส่ผ้าคลุมในเบลเยียม
ด้านฝรั่งเศส ถือเป็นประเทศแรกในยุโรปที่สั่งห้ามไม่ให้สวมใส่นิกาบในพื้นที่สาธารณะ โดยมีกฎหมายที่บังคับใช้ในปี 2554 ส่วนฝ่ายนิติบัญญัติในเยอรมนีได้อนุมัติการแบนบางส่วนสำหรับ “การสวมเครื่องแต่งกายคลุมใบหน้า” ในปีก่อน รวมถึงประเทศออสเตรีย ที่เริ่มบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการสวมเครื่องแต่งกายของชาวมุสลิมที่ปกปิดใบหน้าทั้งหมดในพื้นที่สาธารณะเมื่อปีก่อน.