มาครงพบปูตินหนุนลดคว่ำบาตร
ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงแห่งฝรั่งเศสมีการประชุมกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินในรัสเซียเมื่อวันที่ 24 พ.ค. โดยข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ความสัมพันธ์รัสเซีย-ยุโรป ยูเครนและการค้าเป็นหัวข้อสำคัญในการพูดคุยครั้งนี้
โดยการประชุมส่วนตัว ซึ่งมีขึ้นนอกรอบของการประชุม St.Petersburg Economic Forum (SPIEF) ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและประเทศตะวันตกกำลังตึงเครียดขึ้น
สหรัฐฯและยุโรปเริ่มมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียในปี 2557 เนื่องจากรัสเซียผนวกรวมแคว้นไครเมียและมีบทบาทในการหนุนให้ยูเครนตะวันออกเป็นดินแดนของรัสเซีย โดยรัสเซียมีการเติบโตทางเศรษฐกิจ 1.5% ในปี 2560 หลังจากเศรษฐกิจถดถอยมานานสองปี
นอกจากนี้ ยังมีข้อสงสัยว่ารัสเซียมีส่วนในการวางยาพิษสายลับพ่อลูกชาวรัสเซียที่แปรพักตร์อยู่ในอังกฤษ ให้การสนับสนุนประธานาธิบดีบาชาร์ อัสซาดในซีเรีย แทรกแซงการเลือกตั้งในสหรัฐฯ
ผู้นำทีมธุรกิจฝรั่งเศส คือ Jean-Pascal Tricoire ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Schneider Electric กล่าวกับสื่อ CNBC เมื่อวันที่ 24 พ.ค.ว่า มาครงต้องการให้มีการสื่อสารอย่างเปิดกว้าง
“ ประธานาธิบดีมาครงมีความชัดเจนว่า ต้องการให้มีการพูดคุยแบบเปิดกว้างกับผู้นำประเทศ เมื่อคุณมองที่ยุโรป เราแชร์พรมแดนร่วมกับรัสเซียเป็นบริเวณกว้าง มีหลายอย่างที่เราจำเป็นต้องมีการปรึกษาหารือ ” เขากล่าวกับสื่อ CNBC ที่ SPIEF
“ ทางด้านเศรษฐกิจ ฝรั่งเศสเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดในรัสเซียมานานหลายปี และผลประโยชน์ของรัสเซียในทวีปนี้มีจำนวนมาก ดังนั้น เราจำเป็นต้องพูดคุยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การทูต สิ่งที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง ” เขากล่าว
“ เมื่อมีสงครามในซีเรีย ผู้ลี้ภัยอพยพมายุโรป นี่เป็นเรื่องที่น่ากังวล มีหลายสิ่งที่เราจำเป็นต้องดูแล ”
โดย Tricoire กล่าวว่า เพื่อนบ้าน รัสเซีย และยุโรปมีความรับผิดชอบที่จะจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างประเทศเหล่านี้
ความเชื่อที่ว่าไม่ควรมีมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียอีกต่อไปกำลังเพิ่มขึ้นในหลายภาคส่วนธุรกิจในยุโรป อิตาลี ฝรั่งเศส และเยอรมนี ซึ่งเศรษฐกิจถูกทำลายจากมาตรการโต้ตอบการคว่ำบาตรจากรัสเซีย
Tricoire มีความสงสัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพของมาตรการคว่ำบาตร เขากล่าวกับสื่อ CNBC ว่า ความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์และทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศในยุโรปและรัสเซียมีมาก่อนการคว่ำบาตร จริงๆแล้ว การคว่ำบาตรไม่ช่วย การคว่ำบาตรยิ่งทำให้ทุกอย่างยากขึ้น ไม่ใช่แค่ที่นี่แต่ในภูมิศาสตร์อื่นด้วย
“ ผมไม่แน่ใจว่าจะบรรลุตามเจตนา ผมคิดว่า เราจำเป็นต้องคุยกัน และแก้ไขปัญหา แต่ไม่ได้ทำความผิดพลาด การคว่ำบาตรยิ่งทำให้ทุกอย่างยากขึ้นสำหรับทุกฝ่าย ”
ไม่น่าแปลกใจว่า ผู้นำธุรกิจของรัสเซียก็รู้สึกเช่นเดียวกัน โดย Alexey Komya ประธานบริษัท MTS ซึ่งเป็นผู้ประกอบการโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ที่สุดของรัสเซีย กล่าวกับสื่อ CNBC เมื่อวันที่ 24 พ.ค.ว่า ความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่ปรับปรุงขึ้นอาจช่วยความสัมพันธ์ทางการทูต
“ เราไม่สามารถพูดได้ว่าตอนนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและรัสเซียอยู่ในในสภาวะที่ดี ผมเชื่อว่าพวกเขาสามารถทำได้ดีกว่านี้ แต่ผมคิดว่าสิ่งสำคัญคือการขาดการติดต่อทางธุรกิจและความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ขึ้น จึงไม่ช่วยในการเริ่มการพูดคุย ”
“ คุณจะเห็นได้จากความสัมพันธ์ของสหรัฐฯกับจีน ซึ่งแม้จะมีความคิดเห็นที่แตกต่าง แต่ก็ง่ายขึ้นที่จะมีการพูดคุย เนื่องจากมีผลประโยชน์ทางธุรกิจอยู่มาก โชคไม่ดีที่กับรัสเซีย ไม่มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจมากนัก ” เขากล่าวกับสื่อ CNBC ที่งาน SPEIF.