สหรัฐฯสอบนำเข้ารถเป็นภัยความมั่นคง
กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ เริ่มต้นสอบสวนการนำเข้ารถยนต์ที่อาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ อ้างอิงจากแถลงการณ์ของกระทรวงเมื่อวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา
มีคำประกาศที่สร้างความแปลกใจนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์การค้าของสหรัฐฯกับประเทศอื่นย่ำแย่ลง รวมทั้งพันธมิตรที่ใกล้ชิด ทั้งจากประเด็นภาษี การขู่ว่าจะขึ้นภาษี และการยื่นคำร้องต่อองค์การการค้าโลก
โดยการสอบสวนครั้งนี้อยู่ภายใต้กฎหมายการขยายตัวทางการค้า มาตรา 232 ที่มีขึ้นตั้งแต่ปี 2505 โดยกฎหมายมาตรานี้อนุญาตให้รมว.กระทรวงพาณิชย์ค้นหาความจริงถึงผลกระทบจากการนำเข้าสินค้าที่มีต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ
สหรัฐฯมีสภาพการค้าคล่องตัวในการส่งออกและนำเข้ารถยนต์ โดยเฉพาะกับประเทศที่เป็นมิตรกันมาแต่ดั้งเดิม ทั้งญี่ปุ่น เยอรมนี และเกาหลีใต้
ทั้งนี้ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ของสหรัฐฯเองก็มีโรงงานผลิตรถยนต์ในเม็กซิโกและแคนาดา และนำเข้ามาขายในสหรัฐฯเช่นกัน
“ผมแปลกใจที่มีการสอบสวน เรื่องรถนำเข้าจากเม็กซิโก และแคนาดา” John Woods ซึ่งเป็น CIO ของ Credit Suisse กล่าวกับสื่อ CNBC
“ผมสงสัยว่า มีการหาประโยชน์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มแรงกดดันกับประเทศที่พยายามจะเจรจาในข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือกับสหรัฐฯ”
หุ้นของโตโยต้า มอเตอร์ในตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับลดลงในการซื้อขายหลังคำประกาศของทางกระทรวง
ในญี่ปุ่น หุ้นของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ ซึ่งถูกกดดันจากเงินเยนที่แข็งค่าก็ปรับลดลงเช่นกัน โดยหุ้นของโตโยต้า และฮอนด้าปรับลดลงมากกว่า 2% ในตลาดหลักทรัพย์ที่ญี่ปุ่น ขณะที่มิตซูบิชิ และมาสด้าได้รับผลกระทบมากกว่า เพราะหุ้นตกลงมากกว่า 4%
ในเกาหลีใต้ หุ้นของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ลดลงในกรุงโซลเมื่อวันที่ 24 พ.ค. โดยหุ้นของฮุนไดและเกียลดลงเล็กน้อย
“มีหลักฐานที่ชี้ว่า การนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศมานานหลายทศวรรษได้ทำลายอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ของประเทศเรา” อ้างอิงจากถ้อยแถลงของ Wilbur Ross รมว.กระทรวงพาณิชย์
คำประกาศของกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า การสอบสวนจะเป็นการพิจารณาว่าจำนวนการผลิตรถยนต์ในประเทศและชิ้นส่วนรถยนต์ที่ลดลงเป็นภัยคุกคามทำให้เศรษฐกิจในประเทศของสหรัฐฯอ่อนแอ รวมถึงส่งผลกระทบให้ลดลงทั้งหมด ทั้งการวิจัย พัฒนา งานสำหรับแรงงานที่มีทักษะที่เกี่ยวข้องกับระบบยานยนต์ รถยนต์ขับอัตโนมัติ เชื้อเพลิง รถยนต์ไฟฟ้าและการเก็บพลังงาน กระบวนการผลิตที่ก้าวหน้า และเทคโนโลยีขั้นสูงอื่นๆ
ทางกระทรวงระบุในแถลงการณ์ว่า ตัวเลขการนำเข้ารถยนต์โดยสารเพิ่มขึ้นเป็น 48% ของยอดขายรถยนต์ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากเดิมคือ 32% เมื่อ 20 ปีก่อน ขณะที่การจ้างงานในกระบวนการผลิตรถยนต์ในสหรัฐฯ ลดลงถึง 22%
ไม่กี่นาทีก่อนการประกาศ ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขอให้ รมว.Ross สอบสวนเรื่องนี้
“อุตสาหกรรมหลักอย่างยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์เป็นสิ่งสำคัญต่อความแข็งแกร่งของประเทศ” แถลงการณ์ของทำเนียบขาวระบุ
ทั้งนี้ Ross รมว.กระทรวงพาณิชย์ส่งจดหมายถึง James Mattis รมว.กระทรวงกลาโหมให้แจ้งเขาถึงผลการสอบสวน.