จีน-สหรัฐฯ หยุดสงครามการค้า
สหรัฐฯและจีนเห็นพ้องที่จะมีการยกเลิกการทำสงครามการค้า และหยุดการตั้งกำแพงภาษีนำเข้าเพื่อกีดกันสินค้าของกันและกัน สื่อภาครัฐของจีนรายงานเมื่อวันที่ 20 พ.ค.
การประกาศล่าสุดมีขึ้นหลังจบการประชุมระดับสูงในกรุงวอชิงตันของสหรัฐฯ หลังจากหลายเดือนของความตึงเครียดจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ จุดประเด็นความสัมพันธ์ทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมระหว่างสองประเทศยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจ
รองนายกรัฐมนตรีหลิวเหอ ซึ่งเป็นผู้นำของคณะผู้แทนการค้าจากจีนในการเจรจาที่กรุงวอชิงตันกล่าวว่า “ ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันว่า จะไม่มีการสู้กันด้วยการทำสงครามการค้า และจะหยุดขึ้นภาษีซึ่งกันและกัน ” สำนักข่าวของจีนรายงาน
โดยรองนายกฯ หลิวระบุว่าการทำข้อตกลงเป็นสิ่งจำเป็น แต่เสริมว่า “ ในเวลาเดียวกัน ต้องมีการตระหนักว่า การละลายน้ำแข็งไม่อาจทำได้สำเร็จในวันเดียว การแก้ปัญหาทางโครงสร้างของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างสองประเทศจะต้องใช้เวลา ”
แถลงการณ์ร่วมที่มีการเผยแพร่มาก่อนหน้าในกรุงวอชิงตันระบุว่า จีนจะเพิ่มการซื้อสินค้าอเมริกันให้มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ให้รายละเอียดเพียงเล็กน้อย
ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ย้ำถึงการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ที่มีกับจีน โดยชี้แจงว่า เป็นอันตรายกับความมั่นคงของประเทศสหรัฐฯ และขู่จะปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนมูลค่ากลายพันล้านดอลลาร์
การเจรจาของทั้งสองฝ่ายในกรุงวอชิงตัน ซึ่งมีรมว.กระทรวงการคลัง Steven Mnuchin เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนการค้าของสหรัฐฯ และรองนายกฯ หลิวเหอของจีน มีการพบปะกับประธานาธิบดีทรัมป์ โดยทั้งสองฝ่ายเคยมีการประชุมร่วมกันก่อนหน้านี้มาแล้วหนึ่งครั้งที่กรุงปักกิ่งของจีน
“ มีความเห็นพ้องกันว่าจะมีมาตรการบังคับใช้เพื่อลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ที่มีกับจีน เพื่อเป็นการรองรับความต้องการในการบริโภคที่เติบโตขึ้นของประชาชนชาวจีน และความต้องการการพัฒนาเศรษฐกิจคุณภาพสูง จีนจะเพิ่มปริมาณการซื้อสินค้าและบริการของสหรัฐฯให้มากขึ้นอย่างชัดเจน ” แถลงการณ์ระบุ
ในปี 2560 สหรัฐฯ มีมูลค่าการขาดดุลการค้ากับจีนถึง 375,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 12.10 ล้านล้านบาท โดยผู้นำสหรัฐฯ กล่าวโทษจีนว่าขโมยงานของสหรัฐฯ มานานหลายทศวรรษ
โดยทางสหรัฐฯ ต้องการให้มูลค่าการขาดดุลการค้ากับจีนลดลงอย่างน้อย 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 6.45 ล้านล้านบาท ภายในปี 2563 อย่างไรก็ตาม ในแถลงการณ์ร่วมไม่ได้มีการระบุว่าจีนยอมรับในเป้าหมายนี้
ในแถลงการณ์ระบุเพียงว่า ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะมีการเพิ่มปริมาณการส่งออกผลผลิตทางการเกษตรและพลังงานของสหรัฐฯ อย่างเห็นได้ชัด โดยหลิวกล่าวว่า ความร่วมมือทางการค้าครั้งใหม่จะขยายไปถึงบริการทางการแพทย์ ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยี และการเงิน อ้างอิงจากสำนักข่าวซินหัว
ทั้งสองฝ่ายยังตกลงที่จะประสานความร่วมมือให้แข็งแกร่งขึ้นในการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งเป็นประเด็นที่ทำให้สหรัฐฯไม่พอใจมานาน
แถลงการณ์ร่วมไม่ได้ระบุถึง ZTE บริษัทสื่อสารโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของจีน ซึ่งระงับการดำเนินงาน หลังจากสหรัฐฯ ห้ามไม่ให้บริษัทอเมริกันหลายแห่งส่งออกสินค้าที่มีความอ่อนไหวอย่างชิปให้บริษัท ZTE
ขณะที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีทรัมป์สร้างความแปลกใจด้วยการทวีตว่า เขาและประธานาธิบดีสีจิ้นผิงกำลังทำงานร่วมกันเพื่อหาหนทางช่วย ZTE ให้กลับมาดำเนินธุรกิจได้อีกครั้งอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ หากสหรัฐฯ และจีนประสบกับความยากลำบากมากกว่านี้ในอนาคต รองนายกฯหลิวของจีนกล่าวว่า “ เราต้องดูแลเรื่องนี้อย่างสุขุมรอบคอบ คงระดับการพูดคุยเจรจาไว้ และรับมืออย่างถูกต้องเหมาะสม ”