ประท้วงเดือดเปิดสถานทูตสหรัฐฯในเยรูซาเลม
เมื่อวันที่ 14 พ.ค. ทหารอิสราเอลวิสามัญผู้ประท้วงชาวปาเลสไตน์หลายสิบคนที่ฉนวนกาซา โดยชนวนเหตุคือพิธีเปิดสถานทูตสหรัฐฯในเยรูซาเลมอย่างเป็นทางการที่หนุนให้ความตึงเครียดพุ่งขึ้นถึงจุดเดือดหลังจากมีการประท้วงมานานหลายสัปดาห์
เป็นเหตุร้ายแรงในวันเดียวที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตชาวปาเลสไตน์มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขของปาเลสไตน์รายงานว่ามีผู้ประท้วงถูกสังหารถึง 58 ราย และบาดเจ็บอีกประมาณ 2,700 คนจากการถูกยิง จากแก๊สน้ำตา และอื่นๆ
เหตุประท้วงนองเลือดครั้งนี้ทำให้มีเสียงห้ามปรามจากหลายประเทศ ทั้งฝรั่งเศสและอังกฤษ และมีเสียงวิจารณ์จากประเทศอื่นๆ โดยตุรกีเรียกเหตุร้ายครั้งนี้ว่า ‘การสังหารหมู่’
ผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้สหรัฐฯ ยิ่งออกห่างจากชาติพันธมิตในยุโรปออกไปอีกเป็นครั้งที่ 2 ในเวลาไม่นาน หลังจากในวันที่ 8 พ.ค.
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศถอนสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน สร้างความไม่พอใจให้กับฝรั่งเศส เยอรมนีและชาติมหาอำนาจอื่นๆที่ลงนามในข้อตกลงนี้ร่วมกันกับสหรัฐฯ เมื่อปี 2558
ตรงข้ามกับเหตุการณ์ความรุนแรงที่ฉนวนกาซา เจ้าหน้าที่อิสราเอลและแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมในพิธีเปิดสถานทูตสหรัฐฯอย่างเป็นทางการในนครเยรูซาเลม หลังย้ายมาจากเมืองเทลอาวีฟในสถานการณ์ที่มีแต่ความเรียบร้อย มีอิวานกา ทรัมป์ บุตรสาว เดินทางมาเป็นตัวแทนของประธานาธิบดีทรัมป์ในพิธีพร้อมกับสามีของเธอ
การย้ายสถานทูตสหรัฐฯมาที่เยรูซาเลมเป็นไปตามคำสัญญาของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ประกาศรับรองว่านครเยรูซาเลมอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เป็นเมืองหลวงของอิสราเอล และสหรัฐฯจะย้ายสถานทูตมาที่เมืองนี้
ประธานาธิบดีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอลขอบคุณผู้นำสหรัฐฯ ที่มีความกล้าหาญที่จะรักษาสัญญา
Tim Kaine สว.สหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครต ซึ่งเป็นคณะกรรมาธิการย่อยด้านความสัมพันธ์ต่างประเทศที่ครอบคลุมภูมิภาคนี้กล่าวกับสื่อรอยเตอร์ว่า สถานการณ์ในวันนี้เป็นเรื่องน่าเศร้ามาก และกล่าวว่า “ ไม่มีใครมองว่าสหรัฐฯพยายามจะแก้ปัญหา จะถูกมองว่าสหรัฐฯถอยห่างออกจากปัญหา และมันเศร้ามาก”
ทั้งนี้ ปาเลสไตน์มองว่าเยรูซาเลมตะวันออกเป็นเมืองหลวงของพวกเขา ซึ่งหวังที่จะก่อตั้งขึ้นในพื้นที่เวสต์แบงก์และฉนวนกาซา
แต่อิสราเอลต้องการครอบครองทั้งเมือง รวมถึงพื้นที่ส่วนตะวันออกที่เข้ายึดครองตั้งแต่ช่วงสงครามตะวันออกกลางปี 2510 และการควบรวมไม่ได้รับการรับรองจากนานาชาติ โดยประเทศส่วนใหญ่ระบุสถานะของเยรูซาเลมว่าเป็นนครศักดิผืสิทธิ์ของคนยิว มุสลิมและคริสเตียนเป็นสถานที่ของสันติภาพ และการย้ายสถานทูตมาอยูที่เมืองนี้เป็นสิ่งที่ไม่สมควร
การที่ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศรับรองเยรูซาเลมให้เป็นเมืองหลวงของอิสรเอลเมื่อเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว ทำให้ชาวปาเลสไตน์ไม่พอใจ และกล่าวว่าสหรัฐฯไม่สมควรทำหน้าที่เป็นตัวกลางที่ซื่อสัตย์ในกระบวนการเจรจาสันติภาพใดๆ.