สหรัฐฯเล็งเช็คประวัติโซเชียลผู้ขอวีซ่า
จากจำนวนผู้ยื่นขอวีซ่าเข้าสหรัฐฯ ที่เพิ่มจำนวนขึ้น รัฐบาลกลางสหรัฐฯ เสนอให้มีการตรวจสอบประวัติการใช้งานโซเชียลมีเดียของผู้ที่ต้องการเดินทางเข้าสหรัฐฯ เกือบทุกคน อ้างอิงจากกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 30 มี.ค.
หากข้อเสนอได้รับการอนุมัติจากสำนักจัดการและงบประมาณ (OMB) จะกำหนดให้ผู้ยื่นขอวีซ่าส่วนใหญ่ทั้งที่เป็นผู้อพยพและไม่ใช่ผู้อพยพ จะต้องยื่นข้อมูลบัญชีผู้ใช้งานในโซเชียลมีเดียทั้งหมดที่มี ในการใช้งานช่วง 5 ปีล่าสุด โดยทางการสหรัฐฯ จะมีการตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดและพิสูจน์ตัวตน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผู้คนประมาณ 14.7 ล้านคนต่อปี
โดยข้อเสนอนี้เป็นการสนับสนุนคำสัญญาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่เคยกล่าวว่าจะมีการตรวจสอบข้อมูลชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าสหรัฐฯ อย่างเข้มงวดกวดขัน เพื่อเป็นการป้องกันการก่อการร้าย
ทางกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า จะมีการตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดเป็นการเฉพาะกับผู้ที่มีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย หรือความปลอดภัยของชาติที่เกี่ยวข้องกับการออกวีซ่า
สหภาพเสรีภาพพลเมืองอเมริกันออกโรงแสดงท่าทีความกังวล โดยกล่าวว่า ความเคลื่อนไหวครั้งนี้จะเป็นการสกัดกั้นเสรีภาพในการพูด และส่งผลต่อสมาคม
“ ผู้คนจะรู้สึกว่า สิ่งที่พวกเขาพูดในโลกออนไลน์อาจถูกตีความหมายผิดๆ หรือเข้าใจผิดจากเจ้าหน้าที่รัฐบาล ” Hina Shamsi ผู้อำนวยการโครงการความมั่นคงแห่งชาติ ACLU ระบุในแถลงการณ์
“ นอกจากนี้ เรายังกังวลเกี่ยวกับคำจำกัดความที่รัฐบาลทรัมป์มีให้กับ ‘การกระทำที่เป็นการก่อการร้าย’ เพราะนี่เป็นเรื่องการเมืองแท้ๆ และอาจถูกใช้เพื่อเป็นการเลือกปฎิบัติต่อผู้อพยพ ซึ่งไม่ได้ทำอะไรผิด ” เธอกล่าว
“ เป็นความเสี่ยงอย่างแท้จริงที่การตรวจสอบโซเชียลมีเดียอย่างละเอียดพุ่งเป้าอย่างไม่เป็นธรรมไปที่กลุ่มผู้อพยพและนักเดินทางจากประเทศมุสลิม เพื่อเป็นการปฎิเสธการขอวีซ่า โดยไม่ต้องทำอะไรเพื่อปกป้องความมั่นคงของชาติ ”
มีการเผยแพร่ข้อเสนอใหม่ในวารสารรายวัน Federal Regiser เมื่อวันที่ 30 มี.ค. โดยทางประชาชนมีเวลา 60 วันที่จะออกความเห็นเกี่ยวกับกระบวนการที่ปรับแก้ไข ก่อนที่ทาง OMB จะอนุมัติ หรือปฎิเสธ
หากมีการอนุมัติ ผู้ที่สมัครยื่นขอซีซ่าจะต้องเปิดเผยทั้งเบอร์โทรศัพท์มือถือ อีเมลแอดเดรส และประวัติการเดินทางในต่างประเทศ และจะมีการสอบถามเรื่องการเนรเทศ หรือถูกขับออกจากประเทศ และสมาชิกในครอบครัวมีความเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือไม่ อ้างอิงจากกระทรวงต่างประเทศ
ทั้งนี้ กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า จะไม่มีการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับกับผู้ที่ขอวีซ่าประเภททูตและประเภทราชการ.