ทรัมป์จับตาอเมซอนจ่ายภาษีน้อยเกิน
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ทวีตโต้ตอบอเมซอนเมื่อวันที่ 29 มี.ค. หนึ่งวันหลังจากหุ้นของบริษัทผันผวนเนื่องจากมีรายงานว่าผู้นำสหรัฐฯกำลังจับตามองยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซแห่งนี้ว่าอาจเข้าข่ายละเมิดกฎหมายการต่อต้านการผูกขาด
“ไม่เหมือนบริษัทอื่น อเมซอนจ่ายภาษีน้อยมาก หรือแทบไม่จ่ายเลยทั้งกับรัฐบาลกลาง หรือรัฐบาลในท้องถิ่น ใช้ระบบไปรษณีย์ของเราเป็นเหมือนเด็กส่งของของบริษัท (ซึ่งสร้างความเสียหายมหาศาลให้สหรัฐฯ) และกำลังเขี่ยผู้ค้าปลีกนับพันออกจากธุรกิจ !” ผู้นำสหรัฐฯทวีตข้อความบนทวิตเตอร์
Sarah Sanders เลขานุการด้านสื่อของทำเนียบขาวกล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 28 มี.ค.ว่า ยังไม่มีการประกาศและไม่มีนโยบายที่เฉพาะเจาะจง หรือ การกระทำที่เราจะผลักดันในเรื่องที่เกี่ยวกับอเมซอน โดยในปีนี้ศาลสูงสุดจะมีการพิจารณาไต่สวนประเด็นที่เป็นข้อถกเถียงกันว่าทุกรัฐสามารถเก็บภาษีขายออนไลน์จากผู้บริโภค
หลายรัฐระบุว่า ผู้ค้าปลีกออนไลน์ควรต้องเก็บภาษีขาย ถึงแม้ผู้ค้าเหล่านั้นจะไม่มีหน้าร้านก็ตาม โดยศาลสูงสุดมีคำสั่งในปี 2532 ว่า รัฐต่างๆไม่สามารถเก็บภาษีขายจากบริษัทที่มีแคตตาล็อกให้ลูกค้าสั่งซื้อของทางไปรษณีย์ นอกจากบริษัทเหล่านั้นจะมีหน้าร้านตั้งอยู่ในรัฐนั้น โดยรัฐเซาธ์ ดาโกตาและรัฐอื่นๆแย้งว่าหลายอย่างเปลี่ยนไปมากในยุคของอเมซอน
ที่จรงแล้ว อเมซอนไม่ได้บวกเพิ่มภาษีขายจากผู้บริโภคใน 45 รัฐและวอชิงตันดีซี เมื่อวันที่ 29 มี.ค.นักวิเคราะห์จากบริษัท Stifel ในวอลล์สตรีทกล่าวว่า ประธานาธิบดีทรัมป์กำลังเอ่ยถึงภาษีขายที่เรียกเก็บจากผู้ค้าปลีกรายอื่นบนเว็บไซต์ ซึ่งคิดเป็นประมาณ 50% ของปริมาณทั้งหมดบนอเมซอน
ทาง Stifel ชี้ว่า อเมซอนอาจได้ประโยชน์จากคำพูดของทรัมป์ก็ได้ โดยอาจขึ้นราคาการซื้อขายของบุคคลที่ 3 ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าคงคลังของบริษัท ซึ่งจะส่งผลกระทบกับธุรกิจรายเล็ก
Axios รายงานเมื่อวันที่ 28 มี.ค.ว่า ทรัมป์ต้องการจับตามองอเมซอน อ้างอิงจากแหล่งข่าว 5 คนที่มีการพูดคุยเรื่องนี้กับทรัมป์ มีรายงานว่า มีความพยายามที่จะอธิบายกับผู้นำสหรัฐฯ ในการประชุมหลายครั้งว่า มุมมองของเขาเกี่ยวกับระบบไปรษณีย์นั้นไม่ถูกต้อง เนื่องจากรัฐบาลไม่ได้เป็นเจ้าของ หรือเป็นผู้ดำเนินการระบบไปรษณีย์ของสหรัฐฯ
ผู้สังเกตการณ์ยังชี้ให้เห็นว่า ธุรกิจของอเมซอนช่วยหนุนให้ระบบไปรษณีย์ของสหรัฐฯกลับมามีกำไร โดยทางไปรษณีย์เปิดให้บริการรับส่งของในวันอาทิตย์ตั้งแต่ปี 2556 เนื่องจากมีความต้องการสูงขึ้นมาก ทางไปรษณีย์ได้ร่วมมือกับอเมซอนในการให้บริการในนิวยอร์ก ลอสแองเจลิส ดัลลาส ฮุสตัน นิวออร์ลีนส์ และฟีนิกซ์ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถรับของได้ทุกวัน
ในปี 2550 บริการไปรษณีย์ของสหรัฐฯ ประสบภาวะขาดทุนมากกว่า 63,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ บริการรับส่งของเป็นหนึ่งในบริการที่เป็นความหวังของไปรษณีย์ โดยในปีงบประมาณ 2560 รายได้จากการรับส่งของเพิ่มขึ้นถึง 2,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เติบโตเพิ่มขึ้นเกือบ 12% จากปีก่อนหน้า
ที่ผ่านมา ผู้นำสหรัฐฯมักจะโจมตีอเมซอนบนโซเชียลมีเดีย โดยโวยวายว่าบริษัทกำลังทำร้ายอุตสาหกรรมค้าปลีกและทำให้งานของสหรัฐฯหดหาย.