อัยการขอหมายจับอดีตปธน.อีมยองบัก
อัยการเกาหลีใต้แถลงเมื่อวันที่ 19 มี.ค.ว่า ทางอัยการกำลังยื่นขอหมายจับเพื่อจับกุมตัวอดีตประธานาธิบดีอีมยองบักในข้อหาคอร์รัปชั่น โดยให้เหตุผลว่า ถ้าไม่ควบคุมตัวเขาไว้ เขาอาจทำลายหลักฐานทุกอย่างทิ้งหมด
โดยอดีตประธานาธิบดีอี ซึ่งเป็นหนึ่งในอดีตผู้นำเกาหลีใต้รายล่าสุดที่พัวพันกับคดี ถูกสอบสวนมาแล้วหลายคดีที่เกี่ยวกับการรับสินบนที่มีมูลค่านับล้านดอลลาร์
นายอีมยองบัก อดีตผู้นำเกาหลีใต้ ซึ่งอยู่ในตำแหน่งประธานาธิบดีและมีอำนาจในการบริหารประเทศในปี 2551 – 2556 ต้องถูกอัยการสอบสวนอย่างมาราธอนในสัปดาห์ที่แล้ว โดยเขายืนกรานปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
ทีมอัยการที่ดำเนินการสอบสวนคดีนี้จากสำนักงานอัยการในกรุงโซลแถลงเมื่อวันที่ 19 มี.ค.ว่า ได้ยื่นขอให้ศาลอนุมัติหมายจับเพื่อจะจับกุมตัวนายอีมยองบักอย่างเป็นทางการ
“ ข้อกล่าวหาแต่ละข้อของเขาเป็นคดีสำคัญที่จำเป็นต้องมีการจับกุมตัวอย่างเป็นทางการ” สำนักข่าวยอนฮัป และสื่ออื่นๆยกคำพูดของอัยการอาวุโสที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้มาเผยแพร่
โดยทางการระบุว่า “ เราเชื่อว่ามีความเสี่ยงสูงที่อาจมีการทำลายหลักฐานในคดี หากนายอีไม่ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไว้ ” ทางการระบุ
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่า ศาลจะพิจารณาในสัปดาห์นี้ และหากมีการอนุมัติหมายจับ อดีตประธานาธิบดีอีจะเป็นอดีตผู้นำเกาหลีใต้ที่ยังมีชีวิตอยู่คนที่ 4 ที่ถูกทางการจับกุมในข้อหาคอร์รัปชั่น
ข้อกล่าวหาของนายอียังรวมถึงการที่ซัมซุงกรุ๊ปขอให้ประธานาธิบดีช่วยเหลือนายอีคุนฮี ประธานของบริษัทในปี 2552 โดยประธานอีถูกจับในข้อหาเลี่ยงภาษี และถูกงดเว้นโทษจำคุก
อดีตประธานาธิบดีอียังถูกกล่าวหาว่ารับเงินหลายล้านดอลลาร์จากอดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกลุ่มธนาคารของรัฐเพื่อให้ช่วยเหลือเขาให้ได้รับตำแหน่ง
นอกจากนี้ เขายังถูกกล่าวหาว่ารับเงินจำนวน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 3.1 ล้านบาทในกองทุนที่ไม่มีบันทึกจากสำนักข่าวกรอง และรับสินบนหลายล้านดอลลาร์จากบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ซึ่งเขาถูกระบุว่า เป็นเจ้าของในชื่อของญาติ
มีคำวิจารณ์หนาหูว่า การที่อดีตผู้นำเกาหลีใต้หัวอนุรักษ์นิยมคนนี้ถูกอัยการสอบสวน ถือเป็นการแก้แค้นทางการเมืองโดยคู่แข่งของเขา
โดยอดีตประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ทั้ง 4 คนที่ยังมีชีวิตอยู่ ล้วนแต่ได้รับโทษจำคุก ถูกตั้งข้อกล่าวหา หรือถูกสอบสวนในคดีอาญา
ผู้นำเกาหลีใต้ต่อจากนายอีคือ อดีตประธานาธิบดีหญิงคนแรก – พัคกึนฮเย ซึ่งปัจจุบันถูกคุมขังในเรือนจำในข้อหารับสินบน หลังจากถูกถอดถอนจากตำแหน่งประธานาธิบดีในปีที่แล้วจากการพัวพันกับข่าวฉาวเรื่องคอร์รัปชั่น โดยทางอัยการได้เสนอโทษจำคุก 30 ปีแก่เธอ
อดีตประธานาธิบดีชอนดูฮวาน และโนแทอู ซึ่งเป็นอดีตนายพลที่อยู่ในตำแหน่งช่วงปี 2523 – 2531 ถูกศาลตัดสินให้ต้องโทษจำคุกในคดีคอร์รัปชั่นและกบฎในเวลาต่อมาหลังจากลงจากตำแหน่งแล้ว แต่ทั้งชอนดูฮวานและโนแทอูได้รับการอภัยโทษหลังจากพวกเขาถูกจำคุกได้ประมาณ 2 ปี.