หุ้น Snapchat ร่วงหนักหลังริฮานนาไม่พอใจ
เมื่อวันที่ 15 มี.ค. ที่ผ่านมา นักร้องสาว ริฮานนา ได้ออกมาแสดงความไม่พอใจหลังโฆษณาที่ปรากฎบนแอปพลิเคชัน Snapchat นั้นมีเนื้อหาไม่เหมาะสม ทำให้หุ้นของบริษัท Snap นั้นลดลงกว่า 4% และต้องสูญเงินกว่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 24,964 ล้านบาทจากตลาดหลักทรัพย์ ส่วนหุ้นของบริษัท Snap ปิดตัวลดลง 1% เมื่อวันที่ 16 มี.ค.
สำหรับโฆษณาดังกล่าวนั้นมาจากบนโทรศัพท์ที่ชื่อว่า “Would You Rather?” หรือก็คือ คุณจะเลือกทำสิ่งใดมากกว่ากัน โดยมีตัวเลือกในเกมอยู่ 2 ตัวเลือก นั่นคือ “ตบริฮานนา” หรือ “ต่อยคริส บราวน์” โดยในปี 2552 คริส บราวน์ให้การรับสารภาพเกี่ยวกับการทำร้ายร่างกายริฮานนาระหว่างที่มีปากเสียงกัน เมื่อตอนที่พวกเขายังคบหากันอยู่
ทางด้านริฮานนาได้แสดงความเห็นของเธอลงบนแอปพลิเคชัน Instagram โดยพูดถึงบริษัท Snap เกี่ยวกับโฆษณาดังกล่าว
“ เอาล่ะ SNAPCHAT ฉันรู้ว่าคุณรู้อยู่แล้วว่าแอปของคุณไม่ใช่แอปโปรดของฉัน! แต่ฉันก็พยายามจะเข้าใจว่าความวุ่นวายทั้งหมดนี่มันเพื่ออะไร! ฉันก็อยากจะเรียกมันว่าความไม่รู้นะ แต่ฉันรู้ว่าคุณไม่ได้โง่ขนาดนั้น คุณใช้เงินทำบางอย่างที่อาจสร้างความอับอายให้กับเหยื่อความรุนแรงในครอบครัวอย่างจงใจแถมยังทำให้มันเป็นเรื่องตลกอีก ” เธอยังเสริมอีกว่า “คุณมันหน้าไม่อาย”
ทางบริษัท Snap ได้ออกแถลงการณ์ผ่านโทรศัพท์กับทางซีเอ็นเอ็นว่า โฆษณานี้ “ น่ารังเกียจมาก ”
ทางบริษัทระบุว่า “ เรากำลังสืบสวนอยู่ว่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้อย่างไร เพื่อที่จะได้มั่นใจว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก ”
เหตุการณ์นี้ยิ่งเน้นให้เห็นถึงความอันตรายของแพลตฟอร์มโฆษณาที่ทำงานด้วยตัวเอง ซึ่งทางบริษัทสามารถซื้อและนำโฆษณามาเผยแพร่ได้โดยไม่ต้องมีการตกลงกับมนุษย์โดยตรง โซเชียลเน็ตเวิร์คหลายช่องทางก็ใช้บริการโฆษณาที่ทำงานด้วยตัวเองเช่นกัน ซึ่งในนโยบายทางด้านโฆษณาของบริษัท Snap ได้มีการระบุไว้ว่า โฆษณาที่ได้รับการเผยแพร่บนแอปพลิเคชันนั้น “ ต้องผ่านการพิจารณาและนโยบายของเรา ” รวมถึงไม่อนุญาตให้มีคอนเทนต์ที่แสดง “ ความรุนแรงที่มากเกินไป ”
แดเนียล อีฟส์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์และหัวหน้าของหน่วยวิจัยเทคโนโลยีที่บริษัท GBH Insights ให้สัมภาษณ์กับทางซีเอ็นเอ็นว่า นี่ถือเป็นเรื่องท้าทายที่ใหญ่มากของบริษัท Snap
“ แพลตฟอร์มต่าง ๆ ของโซเชียลมีเดียนั้นต่างมีปัญหาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับโฆษณาและคอนเทนต์ที่ไม่เหมาะสม ที่เราสามารถเห็นได้จากการกดถูกใจบน Facebook หรือ Twitter ส่วนทางบริษัท Snap ถือว่าสร้างความผิดพลาดจากโฆษณาดังกล่าว ”
ซึ่งก่อนหน้านี้ ทางบริษัท Snap ก็ได้มีการประกาศที่จะปลดวิศวกรภายในบริษัทออกถึง 120 คนด้วยกัน.