ญี่ปุ่นเปิดตัวชินคันเซ็นใหม่รับโอลิมปิก
แม้ว่าการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนในปี 2563 ที่กรุงโตเกียว จะยังมาไม่ถึง แต่ประเทศญี่ปุ่นก็เตรียมพร้อมในด้านการคมนาคมภายในประเทศแล้ว
บริษัทเซ็นทัล เจแปน เรลเวย์ หรือ JR ได้เปิดตัวรถไฟชินคันเซ็นความเร็วสูงขบวนใหม่ N700S หรือ ชินคันเซ็น สุพรีม
รถไฟคันใหม่ที่ทั้งฉลาดมากขึ้น ไหลลื่นมากขึ้น และเงียบกว่าเดิม จะเปิดตัวเริ่มใช้งานในเส้นทางโทไกโด ชินคันเซ็น ไลน์ ในปี 2563 และจะเดินทางระหว่างโตเกียวและชินโอซาก้าในปีเดียวกัน แต่การทดสอบรถไฟจะเริ่มดำเนินการในเดือนมี.ค. ของปี 2561 นี้
มาซายูกิ อุเอโนะ รองผู้อำนวยการใหญ่ของแผนกการทำงานชินคันเซ็นของบริษัท JR ท้องถิ่น (JR Tokai) ได้ให้สัมภาษณ์กับทางอาซาฮี ชิมบุนระบุว่า “รถไฟชินคันเซ็น N700S ได้มีการออกแบบใหม่อย่างเสร็จสมบูรณ์ผ่านการปรับปรุงด้านสิ่งอำนวยความสะดวก และอุปกรณ์ต่าง ๆ”
“เราสร้างรถไฟขบวนนี้ก็เพื่อนำมาเป็นสัญลักษณ์ สำหรับยุคสมัยใหม่ของโทไกโด ชินคันเซ็น ไลน์”
นอกเหนือจากความใหม่ของรถไฟขบวนนี้ ที่มีตรารุ่น สุพรีม สีทองประทับอยู่บนตัวรถไฟแล้ว รถไฟรุ่น N700S ยังได้อวดโฉมเกี่ยวกับความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีจำนวนหนึ่งอีกด้วย
เมื่อเปรียบเทียบกับรถไฟรุ่น N700A ที่มีรูปร่างทรงเหลี่ยมมากกว่าและให้บริการนับตั้งแต่ปี 2556 แล้ว รถไฟชินคันเซ็นรุ่น N700S นั้นจะมีรูปทรงส่วนหัวที่โค้งมนมากกว่า
สำหรับส่วนจมูกของตัวรถไฟที่แหลมมากขึ้น เรียกว่า “dual Supreme wind” ซึ่งจะทำหน้าที่ลดเสียงรบกวนเมื่อเข้าสู่อุโมงค์และลดแรงต้านลม
รถไฟขบวนใหม่นี้ มีน้ำหนักเบากว่ารถไฟรุ่นก่อนถึง 11 ตัน ส่วนหนึ่งต้องขอบคุณซิลิโคนกึ่งตัวนำคาร์ไบด์ ใหม่ และระบบทำความเย็นจากลมธรรมชาติ เป็นผลทำให้รถไฟรุ่นสุพรีมนั้นใช้พลังงานน้อยลง
สำหรับเทคโนโลยีล่าสุดที่นำมาปรับใช้กับ N700S นั่นก็คือการลดระยะเวลาแสดงปฏิกิริยาของระบบเบรครถไฟให้สั้นลง
สำหรับอุปกรณ์ภายใต้ตัวรถไฟถูกทำให้มีขนาดเล็กลง จึงสามารถใช้สอยพื้นที่เพื่อปรับแต่งเพิ่มเติมได้อย่างยืดหยุ่น ยกตัวอย่างเช่น โดยปกติแล้วรถไฟที่มีห้องโดยสารทั้งหมด 16 ขบวน จะถูกลดลงให้เหลือเพียง 8-12 ขบวนเท่านั้น
ทางผู้ผลิตหวังว่าความยืดหยุ่นสำหรับใช้สอยนี้จะยิ่งสร้างความดึงดูดให้กับผู้ซื้อทั้งจากต่างประเทศและในประเทศในภายภาคหน้าได้
อย่างไรก็ตาม ในด้านของความเร็วนั้น รถไฟรุ่น N700S นั้นถือว่าไม่ได้เร็วขึ้นจากเดิม โดยจะเดินทางด้วยความเร็ว 300 กม. /ชม. ซึ่งเทียบเท่ากับรถไฟรุ่น N700 ขบวนอื่น
นอกจากนี้การออกแบบภายในก็ถือว่าเปลี่ยนแปลงอย่างมาก โดยที่นั่งผู้โดยสารทุกที่จะมีช่องเสียบสำหรับชาร์จไฟฟ้าเพื่ออุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ต่าง ๆ
รวมไปถึงการเพิ่มพื้นที่วางขาให้มากขึ้นถึง 15% และไฟเหนือที่เก็บศีรษะที่จะสว่างขึ้นเมื่อรถไฟเข้าเทียบชานชาลาเพื่อเตือนผู้โดยสารให้หยิบสัมภาระให้ครบถ้วน.