ชี้โอกาสทองรัสเซียขยายอิทธิพลสู่เอเชีย
ผลจากสถานการณ์กลุ่มชาติตะวันตกและพันธมิตรพากันคว่ำบาตรการค้ารัสเซียจากการบุกยูเครน ยิ่งเปิดโอกาสทองให้รัสเซียหันมาเดินหน้าขยายอิทธิพลการค้าการลงทุนสู่ภูมิภาคเอเชียมากขึ้น
บทวิเคราะห์ผ่านสำนักข่าวอัลจาซีราของกาตาร์ต่อสถานการณ์ศึกยูเครน – รัสเซีย ระบุห้วงเวลาที่รัสเซียถูกบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรหลากหลายจากกลุ่มชาติตะวันตกและพันธมิตร กลับถือเป็นโอกาสทองมากขึ้นแก่รัสเซียในความพยายามหันเหมาให้ความสำคัญกับกลุ่มชาติภูมิภาคเอเชียยิ่งขึ้น เพราะถึงแม้ว่าชาติเศรษฐกิจใหญ่ในเอเชีย อันได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวันและสิงคโปร์ จะร่วมกับชาติพันธมิตรยุโรปคว่ำบาตรรัสเซีย
แต่อีกด้านหนึ่ง จีนในฐานะชาติเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลก ยังสนับสนุนรัสเซียด้วยดีทั้งด้านการทูตและเศรษฐกิจ ขณะเดียวกัน ท่าทีของกลุ่มชาติอาเซียน ซึ่งแม้ส่วนใหญ่สนับสนุนสหประชาติลงมติไม่เห็นด้วยต่อกรณีรัสเซียบุกยูเครน แต่แท้จริงแล้วหลายประเทศในภูมิภาคยังคือโอกาสทองของรัสเซียที่จะเข้ามาผูกสัมพันธ์ด้วยอย่างแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ตัวอย่างกรณีความร่วมมืออันดีระหว่างรัสเซียกับเวียดนาม นอกเหนือจากการขยายเส้นทางเดินเรือสินค้าระหว่างประเทศและความร่วมมือกันด้านการเงินการธนาคารแล้ว เวียดนามยังเป็นลูกค้าอาวุธรายใหญ่ของรัสเซีย รวมถึงเรือดำน้ำและยุทโธปกรณ์เกี่ยวข้องกับการป้องกันดินแดนอธิปไตยทางทะเล ซึ่งเวียดนามมีปัญหากับจีนในพื้นที่ทะเลจีนใต้
นอกจากนั้น สปป.ลาวและเมียนมาก็เป็นลูกค้าซื้ออาวุธรายสำคัญจากรัสเซียด้วย ส่วนท่าทีของฟิลิปปินส์ โดยประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต้ ก็ยกย่องชื่นชมประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียเสมือน “วีรบุรุษ” และพร้อมเดินหน้าร่วมมือระดับทวิภาคีด้านการทหารระหว่างฟิลิปปินส์กับรัสเซีย โดยรัสเซียเริ่มส่งเรือรบไปเยือนน่านน้ำฟิลิปปินส์ในฐานะทูตสันถวไมตรีแล้ว ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ฟิลิปปินส์
ขณะที่อินโดนีเซีย ในฐานะชาติเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นายพลปราโบโว ซูบีอันโต้ รมว.กลาโหมอินโดนีเซีย คืออีกบุคคลชื่นชอบยกย่องผู้นำรัสเซีย ทั้งยังริเริ่มปรับปรุงอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพอินโดนีเซียยุคใหม่ในรูปแบบของรัสเซียมากขึ้นเรื่อยๆ นอกเหนือจากเปิดโอกาสให้รัสเซียเข้ามาร่วมธุรกิจด้านพลังงานกับอินโดนีเซียมากขึ้น โดยผ่านช่องทางทะเลจีนใต้.