นักเรียนต่างชาติโดนเลือกปฏิบัติในยูเครน
นักศึกษาต่างชาติในยูเครนอ้างถูกเลือกปฏิบัติและกีดกันความสะดวกการเดินทางลี้ภัยออกจากยูเครน
ผลกระทบจากสถานการณ์สงครามในยูเครน ทำให้เกิดการหลั่งไหลของผู้ลี้ภัยจำนวนมาก รวมถึงชาวยูเครนและชาวต่างชาติในยูเครน โดยสหประชาชาติระบุจนถึงวันนี้ 6 มี.ค. ผู้คนลี้ภัยออกจากยูเครนแล้วกว่า 1.2 ล้านคน รวมถึงนักศึกษาต่างชาติจำนวนมาก
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นและบีบีซี รายงานระบุนักศึกษาต่างชาติในยูเครนจำนวนมากต่างได้รับผลกระทบถูกเหยียดเชื้อชาติและเลือกปฏิบัติอย่างรุนแรงจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงยูเครนระหว่างการเดินทางลี้ภัยออกจากยูเครนแนวพรมแดน
นักศึกษาหญิงจากกลุ่มชาติทวีปแอฟริกาคนหนึ่ง ระบุเธอถูกเจ้าหน้าที่ยูเครนห้ามขึ้นรถบัสโดยสารไปชายแดนโปแลนด์ เพราะต้องสงวนพื้นที่รถโดยสารไว้สำหรับชาวยูเครนก่อน ทำให้พวกเธอถูกบีบให้ต้องเดินทางเท้าข้ามพรมแดน
ภาพจากวิดิโอหลายช่องทางเผยผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เห็นกลุ่มนักศึกษาจากหลายประเทศทวีปแอฟริกา นักศึกษาจากอินเดียและแคชเมียร์ ถูกกีดกันขึ้นรถไฟหรือรถบัสไปชายแดน นักศึกษาหญิงคนหนึ่งจากไนจีเรีย อ้างคำพูดเจ้าหน้าที่ยูเครนบอกเธอว่า ถ้าเธอเป็นคนผิวดำ เธอต้องเดินเท้าไปชายแดนโปแลนด์ ทำให้เธอต้องเปลี่ยนเส้นทางลี้ภัยไปฮังการีและพยายามหาทางเดินทางกลับไนจีเรียบ้านเกิดให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้
นักศึกษาแพทย์จากอินเดียรายหนึ่ง เผยว่าการข้ามพรมแดนจากยูเครนไปโปแลนด์ ต้องผ่านถึง 3 ด่าน ผู้คนจำนวนมากไม่ผ่านด่านและต้องรอกันอยู่บริเวณนั้นอย่างคับคั่ง นักเรียนอินเดียได้รับอนุญาตผ่านด่านเพียง 30 คน หลังจากชาวยูเครนผ่านด่านไปแล้ว 500 คน อีกทั้งต้องเดินเท้าผ่านแต่ละด่านไกลมากประมาณ 4 – 5 กม.