โอเปกชี้รัสเซียไม่ผลิตน้ำมันเพิ่ม
รัสเซียให้คำมั่นที่จะไม่ละทิ้งข้อตกลงที่ทำร่วมกับโอเปกเพื่อควบคุมซัพพลายน้ำมัน แม้ราคาน้ำมันดิบในตลาดจะปรับเพิ่มขึ้นก็ตาม โมฮัมเมด บาร์คินโด เลขาธิการทั่วไปของกลุ่มโอเปกระบุเมื่อวันที่ 12 ก.พ.
ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นเกินการคาดการณ์ของตลาด ก่อให้เกิดความกังวลว่า ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตน้ำมันอย่างรัสเซียจะขอถอนตัวออกจากข้อตกลงที่ทำร่วมกับกลุ่มประเทศโอเปกและประเทศผู้ผลิตน้ำมันอื่นๆเพื่อจำกัดเพดานการผลิต โดยราคาน้ำมันดีดกลับขึ้นมาเกือบ 60% ตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เพิ่มขึ้นมาสูงสุดในรอบ 3 ปีคือมากกว่า 71 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ก่อนที่จะลดลงไปในสัปดาห์ที่แล้ว
ความกังวลเกิดขึ้นเนื่องจากราคาน้ำมันดิบเบรนท์ของสหรัฐฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งดูจะเป็นปัจจัยเสี่ยงกับรัสเซียและซาอุดิอระเบียในตลาดต่างประเทศที่สำคัญในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งและมีดีมานด์เพิ่มขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม
อย่างไรก็ตาม บาร์คินโดกล่าวว่าประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซียและอเล็กซานเดอร์ โนวัก รัฐมนตรีพลังงานได้ให้ความมั่นใจกับเขาว่าจะไม่มีการกลับลำเด็ดขาด
“ผมได้ยินและได้รับการยืนยันจากทั้งรัฐมนตรีโนวัก และท่านประธานาธิบดีปูตินว่า รัสเซียจะยังยึดมั่นกับสิ่งที่ทำกับโอเปก กับกลุ่มประเทศที่ไม่ใช่โอเปกและการประกาศความร่วมมือระหว่างกัน” เขากล่าวให้สัมภาษณ์กับสื่อ BBC
“พวกเขาพิสูจน์เรื่องนี้ได้จากปริมาณซัพพลายของเขา ผมจึงคิดว่า ไม่มีความกังวลเรื่องนี้ เรายังคงลงเรือลำเดียวกัน”
บรรดาผู้จับตามองตลาดมีความกังวลว่ารัสเซียจะยึดมั่นในข้อตกลงเพียงใด เนื่องจากรัสเซียถูกมองว่า ไม่เต็มใจที่จะเข้าร่วมในการทำข้อตกลงนี้ ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในเดือนม.ค.ปี 2560 และตั้งเป้าที่จะลดปริมาณน้ำมัน 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวันออกจากตลาดจนถึงสิ้นปีนี้
โดยในปี 2559 รัสเซียให้คำมั่นว่าจะลดเพดานการผลิตน้ำมันลง 300,000 บาร์เรล รัสเซียไม่เหมือนกับกลุ่มประเทศโอเปกที่ธุรกิจน้ำมันเป็นของรัฐบาล เพราะยักษ์ใหญ่พลังงานของรัสเซียเป็นกิจการรัฐวิสาหกิจที่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์
Alexander Dyukov ซีอีโอของ Gazprom Neft กล่าวเมื่อวันที่ 9 ก.พ.ว่า ประเทศผู้ผลิตน้ำมันควรมีการปรับเปลี่ยนข้อตกลงในไตรมาสหน้า โดยเขาหวังว่า ประเทศผู้ผลิตน้ำมันจะเห็นพ้องและตกลงที่จะขยับเพดานการผลิตขึ้น เพราะตลาดเริ่มมีความสมดุลแล้ว หลังจากมีปริมาณซัพพลายล้นตลาดมานานหลายปี
ขณะที่นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่า ซัพพลายและดีมานด์น้ำมันได้เข้าสู่สภาวะที่สมดุลแล้ว แต่เป้าหมายของโอเปกคือการลดปริมาณน้ำมันดิบลงเป็นเวลา 5 ปีโดยเฉลี่ย โดยเมื่อวันที่ 12 ก.พ. โอเปกแถลงว่า ปริมาณน้ำมันยังคงสูงเกินระดับที่โอเปกตั้งเป้าไว้ประมาณ 109 ล้านบาร์เรล และเตือนว่าจะไม่มีการปรับเปลี่ยนข้อตกลงจนกว่าจะถึงสิ้นปี 2561 นี้
เมื่อวันที่ 12 ก.พ. โอเปกปรับตัวเลขคาดการณ์การเติบโตในปีนี้ขึ้น แต่ยังระบุว่า มีปริมาณน้ำมันจากสหรัฐฯและประเทศผู้ผลิตที่ไม่ใช่โอเปกเพิ่มขึ้นเร็วกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้.