สงสัยประธานซัมซุงเลี่ยงภาษี
เมื่อวันที่ 8 ก.พ. ตำรวจเกาหลีใต้ระบุว่า นายอีคุนฮี ประธานซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์เป็นผู้ต้องสงสัยในคดีหลบเลี่ยงภาษีจำนวน 8,200 ล้านวอน หรือราว 295 ล้านบาทโดยใช้บัญชีธนาคารของพนักงาน
ข่าวฉาวยังโหมกระหน่ำครอบครัวผู้ก่อตั้งบริษัทซัมซุงซึ่งเป็นอาณาจักรธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้อย่างต่อเนื่อง โดยนายอีแจยองบุตรชายของเขาเพิ่งถูกปล่อยตัวในสัปดาห์นี้หลังศาลอุทธรณ์พิพากษาลดโทษจำคุก 2.5 ปีของเขาในข้อหาติดสินบนและคอร์รัปชัน โดยให้รอลงอาญาเป็นเวลา 4 ปีและห้ามเดินทางออกนอกประเทศก่อนได้รับอนุญาตจากศาล
หลังจากมีอาการของโรคหัวใจในปี 2557 นายอีผู้พ่อ ในวัย 76 ปี ยังคงพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ของซัมซุงในกรุงโซล และเป็นเรื่องยากที่จะสื่อสารเนื่องจากมีสัญญาณฟื้นตัวเพียงเล็กน้อย โดยก่อนหน้าที่จะถูกควบคุมตัว นายอีผู้ลูกทำหน้าที่เป็นผู้บริหารสูงสุดของกลุ่มบริษัทแทนผู้เป็นพ่อ
เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวว่า นายอีผู้พ่อไม่สามารถตอบคำถามใดๆ ได้ เนื่องจากสภาพร่างกายที่ยังไม่เป็นปกติและทางซัมซุงปฏิเสธที่จะให้ความเห็น
“ นายอีคุนฮี ผู้ดำรงตำแหน่งประธานและซีอีโอของซัมซุง และบริหารจัดการเงินใน 260 บัญชีธนาคารภายใต้ชื่อของผู้บริหาร 72 คน ตกเป็นผู้ต้องสงสัยจากการหลบเลี่ยงภาษีจำนวน 8,200 ล้านวอน ” สำนักงานตำรวจแห่งเกาหลีใต้ระบุในแถลงการณ์ โดยมีแผนจะส่งคดีนี้ให้อัยการ
โดยตำรวจเสริมว่า บัญชีที่มีเงินประมาณ 400,000 ล้านวอน ถูกพบจากหลักฐานที่เป็นการจ่ายเงินที่ผิดกฎหมายสำหรับการรีโนเวทที่อยู่ของครอบครัวตระกูลอี การสืบสวนคดีเลี่ยงภาษียังย้อนไปถึงกรณีการจ่ายภาษีจำนวน 130,000 ล้านวอนในปี 2554 ด้วย
คดีติดสินบนที่นำไปสู่การจับกุมตัวนายอีผู้ลูกในปีที่แล้วและทำให้ประธานาธิบดีพัคกึนฮเยถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง ทำให้บริษัทซัมซุงให้คำมั่นจะปรับปรุงธรรมาภิบาลของบริษัทและให้อำนาจผู้บริหารในแต่ละบริษัทบริหารจัดการบริษัทได้อย่างอิสระ ไม่ขึ้นกับตระกูลอี
โดยซัมซุงกรุ๊ปเริ่มดำเนินการแยกกลยุทธ์ในการทำงานของแต่ละบริษัทในช่วงปลายปี 2560
รัฐบาลใหม่ที่มีแนวคิดแบบเสรีนิยมซึ่งนำโดยประธานาธิบดีมุนแจอินที่ชนะการเลือกตั้งหลังคดีคอร์รัปชันฉาวให้สัญญาว่าจะทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีการบริหารแบบครอบครัวต้องอยู่ภายใต้กฎหมายที่เข้มงวดขึ้น และจบยุคของการเอื้อประโยชน์แก่บรรดามหาเศรษฐีที่ก่ออาชญากรรมทางการเงิน
แม้นายอีแจยองยังไม่ได้เข้าออฟฟิศหลังจากได้รับการปล่อยตัวเมื่อวันที่ 5 ก.พ. แต่สมาชิกของประชาคมธุรกิจในเกาหลีใต้คาดการณ์ว่าเขาจะกลับมาดำรงตำแหน่งผู้บริหารอีกครั้ง และลงทุนมากขึ้นในธุรกิจที่จะสร้างงานเพื่อบรรเทาความไม่พอใจจากชาวเกาหลีใต้ให้ลดน้อยลง
โดยในระหว่างการเดินทางออกจากเรือนจำกลับบ้าน นายอีผู้ลูกกล่าวขอโทษที่ไม่ได้แสดงให้เห็นด้านดีของตัวเองและกล่าวว่าเขาจะทำอย่างดีที่สุด แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดถึงแผนธุรกิจของเขา
ขณะที่เขาถูกจำคุกอยู่เป็นเวลาหนึ่งปี บริษัทซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ที่สุดในโลก มีผลกำไรที่สูงเป็นประวัติการณ์จากยอดขายเมมโมรีชิป ‘ซูเปอร์ไซเคิล’
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นายอีผู้พ่อถูกสอบสวนเรื่องการเลี่ยงภาษี เขาเคยถูกตัดสินว่ามีความผิดในปี 2552 และในเวลาต่อมาในคดีการเลี่ยงภาษี หลังจากพัวพันกับข่าวฉาวที่ว่าเขาใช้บัญชีของลูกน้องที่เขาเชื่อใจในการกระทำความผิด.