โตโยต้ากำไรพุ่ง 54%
บริษัทโตโยต้ามอเตอร์ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรตลอดทั้งปีขึ้นอีก 10% เมื่อวันที่ 6 ก.พ. หลังจากบริษัทรายงานกำไรจากผลประกอบการประจำไตรมาสที่สูงที่สุดในรอบ 2 ปี โดยได้แรงหนุนสำคัญจากเงินเยนที่อ่อนค่าลงและยอดขายในประเทศที่แข็งแกร่ง
บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นคาดการณ์ว่า กำไรจากผลประกอบการในปีนี้จะเพิ่มขึ้น 10% เป็น 2.2 ล้านล้านเยน หรือราว 642,302 ล้านบาทเมื่อเทียบกับกำไร 1.99 ล้านล้านเยนในปี 2560 และปรับเพิ่มขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์เดิมก่อนหน้านี้คือ 2.0 ล้านล้านเยน
โดยทางโตโยต้าคาดการณ์ว่า กำไรสุทธิจะอยู่ที่ 2.4 ล้านล้านเยน หรือราว 709,440 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์เดิมคือ 1.95 ล้านล้านเยน และมีแนวโน้มจะเติบโตทุบสถิติ
สำหรับไตรมาส 3 ที่ผ่านมา โตโยต้าโพสต์รายงานกำไรจากผลประกอบการประจำไตรมาสเดือนต.ค. – ธ.ค.อยู่ที่ 673,600 ล้านเยน หรือราว 199,116 ล้านบาท เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดถึง 54% จากปีก่อน โดยตัวเลขสูงกว่าที่ 11 นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้คือ 527,220 ล้านเยน จากโพลล์ของธอมสัน รอยเตอร์ และเป็นตัวเลขกำไรสูงสุดประจำไตรมาสตั้งแต่ไตรมาสเดือน ต.ค.-ธ.ค.ปี 2558 เป็นต้นมา
ทั้งนี้ กำไรจากผลประกอบการในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าจากยอดขายรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นในญี่ปุ่น ขณะที่ยอดขายลดลงในอเมริกาเหนือ
ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด ขณะที่บริษัทต้องดิ้นรนด้วยการให้ส่วนลดอย่างหนัก เนื่องจากบริษัทพยายามจะผลิตและขายรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น
โดยโตโยต้าขายรถยนต์ได้ 2.63 ล้านคันทั่วโลกในไตรมาสเดือนต.ค.-ธ.ค. เพิ่มขึ้นจาก 2.28 ล้านคันในปีก่อน ยอดขายในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 3% ขณะที่ยอดขายในอเมริกาเหนือลดลงเหลือ 735,000 คัน จากเดิม 745,000 คัน และยอดขายรถในยุโรปเพิ่มขึ้น 1.7%
กำไรจากผลประกอบการในอเมริกาเหนือร่วงลงมาถึง 53.1% โดยบริษัทต้องดิ้นรนอย่างหนักกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในตลาด และมีการลดราคาลงค่อนข้างมากเนื่องจากบริษัทผู้ผลิตพยายามจะขายรถยนต์ให้ได้มากขึ้นในตลาดที่ชะลอตัวในสหรัฐฯ
ตัวเลขกำไรในตลาดสหรัฐฯ เป็นเรื่องสำคัญสำหรับโตโยต้าในการช่วยเพิ่มจำนวนเงินลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ ทั้งรถยนต์ขับอัตโนมัติ รถพลังงานไฟฟ้า และบริการใหม่ๆ
เนื่องจากผู้ขับขี่รถยนต์ในสหรัฐฯ ชื่นชอบรถกระบะที่มีขนาดใหญ่และรถเอสยูวีมากกว่ารถซีดานและแฮทช์แบค ซึ่งเป็นรุ่นขายดีของโตโยต้ามาก่อนทั้งคัมรีและโคโรลลา ทำให้บริษัทต้องปรับเปลี่ยนเป็นการเพิ่มกำลังการผลิตรถกระบะแทนรถซีดาน
ขณะเดียวกัน รถซีดานที่ขายได้ในปี 2560 มีการลดราคาลงอย่างมากเพื่อกระตุ้นดีมานด์ของรถรุ่นคัมรี และให้เงินลงทุนเพิ่มกับรถเอสยูวีและรถกระบะเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดสหรัฐฯ
นอกจากนี้ บริษัทยังได้เพิ่มค่าใช้จ่ายทางการตลาดโดยรวมขึ้นอีก 10% ในปี 2560 เมื่อเทียบกับปี 2559 อ้างอิงจากตัวเลขของ Autodata.