สู้เพื่อลูกในญี่ปุ่น
ผู้ปกครองของเด็กหญิงชาวเวียดนามที่ถูกฆาตกรรมที่ญี่ปุ่นในปีก่อน กำลังออกเดินหน้าล่ารายชื่อและการสนับสนุนจากประชาชน หลังจากที่พวกเขาต้องการให้ชายผู้เชื่อว่าเป็นผู้ลงมือฆ่าลูกสาวของพวกเขาได้รับโทษ
Nguyen Thi Nguyen แม่ของเด็กหญิงคนดังกล่าวซึ่งอาศัยอยู่ในจังหวัดชิบะ ระบุว่า “เรารวบรวมลายเซ็นมาได้ถึง 31,000 รายชื่อเพื่อเสนอให้กับอัยการญี่ปุ่น และเรายังคงมุ่งหน้าตามหาผู้พร้อมจะลงชื่อต่อไป”
เธอกล่าวว่า “ผู้ต้องสงสัยรายนี้อ้างว่าเขาไม่ผิดและยืนกรานหนักแน่นในสิทธิ์ของเขาที่จะเงียบ ทำให้ไม่มีสอบสวนใด ๆ”
Nguyen กล่าวว่า เธอหวังว่าแรงกดดันจากสาธารณชนจะช่วยผลักดันให้คดีความนี้เดินหน้าต่อ และทำให้อัยการดำเนินการตัดสินคดีให้ผู้ต้องสงสัยได้รับโทษประหารในทันที
นับตั้งแต่ที่เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญเมื่อเดือน มี.ค.ปีก่อน สามีของเธอก็ยังไม่กลับไปทำงานของเขาเลยจนถึงทุกวันนี้ และเขาได้ใช้เวลาทุกวันไปกับการล่ารายชื่อที่สถานีรถไฟหลายแห่งทั่วประเทศญี่ปุ่น
โดยครอบครัวของเธอได้รับการสนับสนุนจากประชาชนชาวญี่ปุ่นเช่นเดียวกับชาติอื่น ๆ
นอกจากนี้ครอบครัวของเธอยังต้องเดินทางไปมาระหว่างญี่ปุ่นกับเวียดนามตลอดเวลาที่ผ่านมา
ประชาชนชาวเวียดนามต่างริเริ่มการรวบรวมลายเซ็น และช่วยเหลือเพื่อส่งสองสามีภรรยาเดินทางไปยัง Hai Phong ที่อยู่ทางเหนือของประเทศเวียดนามอย่างปลอดภัย เพื่อเป็นการตอบรับคำรองทุกข์ของทั้งคู่
ลูกสาวของทั้งคู่ ซึ่งเป็นเด็กหญิงที่กำลังศึกษาอยู่ในชั้นป.3 หายตัวไประหว่างทางเมื่อเธอกำลังเดินทางออกจากบ้านไปยังโรงเรียนในเมืองมัตสึโดะ เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ปีก่อน ร่างของเด็กหญิงถูกพบสองวันต่อมาที่พื้นหญ้าใกล้กับคลองระบายน้ำ
เจ้าหน้าที่ตำรวจญี่ปุ่นจับกุมชายเพื่อนบ้านวัย 46 ปีได้ในเดือน เม.ย. หลังจากพบว่าตัวอย่าง DNA ที่ถูกเก็บมาจากที่เกิดเหตุนั้นตรงกับชายคนนี้
หลังจากการชันสูตรพบว่าเด็กหญิงคนดังกล่าวถูกทารุณทางเพศและถูกรัดคอจนสิ้นลม
นายยาซูมาสะ ชิบูยะ ผู้ต้องสงสัย ถูกตัดสินว่ามีความผิดในเดือน พ.ค. ปีก่อน แต่ทางอัยการกลับไม่ได้ระบุว่าเขานั้นยอมรับข้อหาทั้งหมดซึ่งรวมถึงการลักพาตัว การล่วงละเมิด และการทิ้งร่างของเด็กหญิงแล้วหรือไม่
ครอบครัวของเด็กหญิงผู้ตกเป็นเหยื่อระบุว่า ชายคนนี้มีท่าทีเหมือนจะพ้นจากโทษประหารชีวิต เว้นเสียแต่ว่าเขาจะเคยลงมือกระทำอาชญากรรมที่ ‘รุนแรง’ มากกว่านี้
แม่ของเด็กหญิงระบุว่า “เราต้องผ่านคืนวันที่แสนเจ็บปวด และเราไม่ต้องการให้มีใครคนอื่นต้องเผชิญกับความเจ็บปวดจากการสูญเสียลูกของพวกเขาเนื่องจากการข่มขืนหรือฆาตกรรมอีกต่อไปแล้ว”.