สหรัฐฯยกเลิกแบน 11 ประเทศ
เมื่อวันที่ 29 ม.ค. ทางสหรัฐฯ ได้ประกาศยกเลิกการแบนผู้ลี้ภัยจาก 11 ประเทศที่มี ‘ความเสี่ยงสูง’ แต่ได้ระบุอีกว่า หากผู้ลี้ภัยต้องการจะเดินทางเข้าไปยังสหรัฐฯ ก็ยังคงต้องผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยที่เข้มงวดกว่าในอดีต
สำหรับประเทศผู้ที่ต้องการจะลี้ภัยมายังสหรัฐฯ ทั้ง 11 ประเทศนั้น ไม่ได้มีการระบุชื่อแน่ชัด แต่เชื่อว่าได้รวมถึงประเทศมุสลิมทั้ง 10 ประเทศ รวมถึงเกาหลีเหนือ ซึ่งประเทศเหล่านี้ต้องเผชิญหน้ากับการประเมินเพื่อรับเข้าประเทศหรือ ‘การประเมินฐานความเสี่ยง’ ที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น
Kirstjen Nielsen เลขาธิการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิระบุว่า “ มันเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นที่เราต้องทราบว่าใครกำลังเดินทางเข้ามายังสหรัฐอเมริกา ”
“ มาตรการรักษาความปลอดภัยที่ถูกเพิ่มขึ้นเหล่านี้ จะทำให้ผู้ที่ใช้ประโยชน์จากการยกเลิกการแบนเข้ามายังสหรัฐฯ ได้ยากมากยิ่งขึ้น และมาตรการเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความมั่นใจได้ว่าการที่เราทำการประเมินฐานความเสี่ยงก็เพื่อปกป้องประเทศของพวกเรา ”
ประเทศทั้ง 11 ประเทศ ถูกแบนไม่ให้เดินทางเข้าไปยังสหรัฐฯ นับตั้งแต่เดือน ต.ค.ปีก่อน โดยถือเป็นการปรับเปลี่ยนนโยบายผู้อพยพของรัฐบาลภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีการระบุรายชื่อประเทศอย่างเป็นทางการ
แต่ทางผู้อพยพเองระบุว่าประกอบไปด้วยประเทศอียิปต์ อิหร่าน อิรัก ลิเบีย มาลี เกาหลีเหนือ โซมาเลีย ซูดานใต้ ซูดาน ซีเรีย และเยเมน
เจ้าหน้าที่ระดับสูงในกระทรวงได้ให้สัมภาษณ์กับทางหนังสือพิมพ์ AFP อย่างไม่ขอระบุตัวตนว่า นโยบายเพิ่มมาตรฐานการประเมินความปลอดภัยสำหรับทั้ง 11 ประเทศนั้น ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อเจาะจงไปยังประเทศมุสลิมแต่อย่างใด
“ สำหรับการอนุญาตให้เข้าประเทศของเราไม่เกี่ยวข้องกับศาสนาแต่อย่างใด ” โดยเจ้าหน้าที่รายนี้ยังเสริมอีกว่า ถือว่าไม่มีอะไรที่แปลกใหม่เป็นพิเศษสำหรับการตรวจตราที่เข้มข้นมากขึ้นสำหรับประเทศทั้ง 11 ประเทศที่ถูกลงความเห็นร่วมกันว่ามีระดับความเสี่ยงสูง
หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ได้ขึ้นรับตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐฯ ในปีก่อน ก็ทำให้เขาหันมามีท่าทีกวดขันกับเหล่าผู้อพยพและผู้ลี้ภัยจากทุกประเทศมากยิ่งขึ้น
สำหรับจำนวนการเดินทางเข้าประเทศของเหล่าผู้ลี้ภัยลดลงมากกว่าครึ่ง จากที่เคยมีมากสุดถึง 45,000 ราย ในปีงบประมาณ 61 ซึ่งสิ้นสุดในวันที่ 31 ก.ย.