สเปนขึ้นแท่นนักท่องเที่ยวมากอันดับ 2 ของโลก
สเปนสามารถเบียดแขึ้นมาแทนที่สหรัฐฯ ซึ่งเคยครองตำแหน่งจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเยือนมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกจนได้ในปี 2560 ขณะที่ฝรั่งเศสครองอันดับ 1 อ้างอิงจากองค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (UNWTO)
ในภาพรวม จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเพิ่มจำนวนขึ้น 7% อยู่ที่ 1,300 ล้านคนในปี 2560 ที่ผ่านมา อ้างอิงจากตัวเลขที่ประเมินล่าสุด
UNWTO คาดการณ์ว่า แนวโน้มที่แข็งแกร่งจะยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องในปี 2561 นี้ ด้วยตัวเลขการเติบโตอยู่ที่ 4 – 5%
โดย UNWTO ระบุว่า ตัวเลขสรุปในขั้นสุดท้ายจะมีการเผยแพร่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
ในปี 2559 ทั้งสหรัฐฯ และสเปนมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยือนประเทศตัวเองอยู่ประมาณ 76 ล้านคน แต่ในสัปดาห์ที่แล้ว นายกรัฐมนตรีมาเรียโน ราฮอยของสเปนแถลงว่า สเปนมีจำนวนนักท่องเที่ยวสูงที่สุดทุบสถิติเดิมในปี 2560 ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยือนมากกว่า 82 ล้านคน เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากปี 2559 เกือบ 8%
ในการวิเคราะห์ข้อมูลท่องเที่ยวเบื้องต้นของปี 2560 ทาง UNWTO กล่าวว่า “ จากสถานที่ท่องเที่ยวชายฝั่งเมดิเตอเรเนียนที่สวยงาม ทำให้ยุโรปจะทำลายสถิติเดิมจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากขึ้นในภูมิภาค”
โดยยุโรปมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มมากขึ้น 8% ในปี 2560 ขณะที่แอฟริกา เอเชียแปซิฟิก มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 6% ประเทศตะวันออกกลาง 5% และทวีปอเมริกา 3%
ทั้งนี้ การท่องเที่ยวได้แรงหนุนสำคัญจากเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวเติบโตขึ้น และการฟื้นตัวในการใช้จ่ายจากประเทศบราซิลและรัสเซีย หลังจากประสบกับภาวะเศรษฐกิจซบเซามานานหลายปี
“ การท่องเที่ยวต่างประเทศยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง หนุนให้ภาคท่องเที่ยวกลายเป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ” Zurab Pololikashvili ประธาน UNWTO ให้ความเห็น
“ ในฐานะภาคส่งออกอันดับ 3 ของโลก การท่องเที่ยวเป็นส่วนสำคัญในการสร้างงานและความมั่งคั่งของประชาคมทั่วโลก” เขาสรุป
ทั้งนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เป็นเป้าหมายสำคัญของทุกประเทศคือนักท่องเที่ยวชาวจีน เนื่องจากจีนมีจำนวนชนชั้นกลางที่มีความสามารถในการจับจ่ายสูงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ คนกลุ่มนี้ มีกำลังซื้อมหาศาลและมีรูปแบบการท่องเที่ยวที่พัฒนาขึ้น หรูหรามากขึ้น และยังคงกระหน่ำช้อปสินค้าที่ถูกใจมากเหมือนเดิม.