ชูทรัมป์ช่วยให้สองเกาหลีได้คุยกัน
เมื่อวันที่ 10 ม.ค.ประธานาธิบดีมุนแจอินแห่งเกาหลีใต้ให้เครดิตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ สำหรับการช่วยให้เกิดการพูดคุยกันระหว่างทั้งสองเกาหลีเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี และเตือนเกาหลีเหนือว่าจะต้องถูกคว่ำบาตรหนักขึ้นหากยังมีท่าทียั่วยุอย่างต่อเนื่อง
โดยการพูดคุยมีขึ้นเมื่อวันที่ 9 ม.ค.ในเขตปลอดทหารของฝั่งเกาหลีใต้ ซึ่งแบ่งเกาหลีออกเป็นสองประเทศตั้งแต่ปี 2496 หลังจากมีความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีจากโครงการทดสอบขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
“ ผมคิดว่าประธานาธิบดีทรัมป์สมควรได้รับเครดิตครั้งใหญ่ที่ทำให้เกาหลีทั้งสองได้พูดคุยกัน ผมรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง อาจเป็นผลมาจากการทำงานของสหรัฐฯ ที่เป็นผู้นำในการคว่ำบาตรและการกดดัน ”
ผู้นำสหรัฐฯ และประธานาธิบดีคิมจองอึนแห่งเกาหลีเหนือมีคำพูดยั่วยุโต้ตอบกันในรอบปีที่ผ่านมา ก่อให้เกิดความกลัวว่าจะมีสงครามครั้งใหม่เกิดขึ้นบนคาบสมุทรเกาหลี โดยทางเทคนิคแล้ว เกาหลีใต้และสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในสงครามกับเกาหลีเหนือ หลังจากความขัดแย้งจบลงด้วยการพักรบชั่วคราว ไม่ใช่สนธิสัญญาสันติภาพ
ทางวอชิงตันแสดงความกังวลว่า ท่าทีของเกาหลีเหนืออาจทำให้สหรัฐฯ และเกาหลีใต้แยกห่างจากกัน แต่ประธานาธิบดีมุนกล่าวว่า รัฐบาลของเขาจะไม่แตกแถวจากสหรัฐฯ ในการรับมือกับภัยคุกคามจากทางเปียงยาง
“ การพูดคุยในรอบแรกถือเป็นการปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือและใต้ งานของเราคือมุ่งหวังให้เกาหลีเหนือระงับโครงการนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นจุดยืนพื้นฐานของเราที่จะไม่มีวันยอมแพ้ ”
ผู้นำเกาหลีใต้กล่าวว่า เขาเปิดกว้างที่จะมีการประชุมกับประธานาธิบดีคิมจองอึนเมื่อไรก็ได้ เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคี และหากมีสภาวะที่ถูกต้องเหมาะสม ก็การันตีได้ถึงความสำเร็จ “ เป้าหมายไม่ควรเป็นแค่การพูดคุยกันเท่านั้น ” เขากล่าว
อย่างไรก็ตาม ทางเปียงยางระบุว่า จะไม่คุยเรื่องอาวุธนิวเคลียร์กับทางโซล เพราะโครงการนี้ตั้งเป้าที่สหรัฐฯ เท่านั้น
ไม่ใช่ประเทศพี่น้องอย่างเกาหลีใต้ หรือรัสเซีย หรือจีน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการทลายกำแพงทางการทูตยังคงห่างไกลจากที่หวัง
หนังสือพิมพ์โรดอง ซินมุนของเกาหลีเหนือรายงานว่า ปัญหาทั้งหมดจะได้รับการแก้ไขจากความพยายามของประชาชนชาวเกาหลีเท่านั้น
“ เราไม่สามารถบอกได้ว่า การพูดคุยคือคำตอบเพียงอย่างเดียว หากเกาหลีเหนือยังมีท่าทียั่วยุอีก หรือไม่แสดงความจริงใจที่จะแก้ไขในประเด็นนี้ ประชาคมนานาชาติจะกดดันและคว่ำบาตรหนักขึ้น ” ประธานาธิบดีมุนยืนยัน
เมื่อวันที่ 9 ม.ค. ทางโซลกล่าวว่าพร้อมที่จะหยิบยื่นความช่วยเหลือทางการเงิน และยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรกับทางเปียงยางชั่วคราว เพื่อให้นักกีฬาเกาหลีเหนือเข้าร่วมในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก โดยทางเกาหลีเหนือระบุว่า ตัวแทนที่เข้าร่วมจะมีทั้งนักกีฬา เจ้าหน้าที่ระดับสูง กองเชียร์ ฝ่ายศิลป์ ผู้สื่อข่าวและผู้ชม
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 10 ม.ค.ประธานาธิบดีมุนระบุว่า เกาหลีใต้ไม่มีแผนจะผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรกับเกาหลีเหนือ หรือฟื้นฟูการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจที่อาจละเมิดมติคว่ำบาตรของสหประชาชาติ.