หุ้น GoPro พุ่งหลังปลดพนักงานพร้อมออกจากตลาดโดรน
หุ้นของบริษัท GoPro พุ่งขึ้นถึง 25% เมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา หลังจากมีการประกาศลดจำนวนพนักงานและออกจากตลาดผู้ผลิตโดรนเนื่องจากยอดขายในช่วงฤดูเทศกาลไม่เป็นที่น่าพอใจ
บริษัทผู้ผลิตกล้องและเทคโนโลยีต่าง ๆ ระบุว่า ทางบริษัทจะลดพนักงานจากที่มีทั้งหมด 1,254 ราย ให้เหลือน้อยกว่าพันราย หลังจากที่ยอดขายในไตรมาสที่ 4 นั้นอยู่ที่ 340 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 10,973 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์คือ 474 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 15,297 ล้านบาทมาก
ทางนิโคลัส วูดแมน หรือซีอีโอของบริษัทระบุว่า ในระหว่างช่วงวันหยุดเทศกาล ทางบริษัท GoPro ได้ลดราคากล้องบางรุ่นลง ซึ่งส่งผลให้ยอดขายขยับตัวสูงขึ้น แต่กลับทำให้กำไรลดน้อยลงอีกด้วย วูดแมนระบุว่า “ แม้ว่าจะมีปัจจัยหนุนทางการตลาดที่สำคัญ เรากลับพบว่าลูกค้าส่วนใหญ่ต่างลังเลที่จะซื้อ HERO5 Black ซึ่งมีราคาเดิมเท่ากับที่มีการเปิดตัวใน 1 ปีก่อนหน้านี้ ” โดยเขาเสริมว่าทางบริษัท “ พยายามที่จะปรับเปลี่ยนธุรกิจของพวกเราในปี 2561 ”
แต่ถึงทางบริษัทจะพยายามปรับเปลี่ยนแนวทางแค่ไหน ก็จะไม่สามารถกลับไปเป็นบริษัทผู้ผลิตสินค้าสำหรับผู้มีไลฟ์สไตล์ท่องท้องฟ้าได้อย่างที่เคยสัญญาไว้ว่าจะเป็นได้อีก
โดยทางวูดแมนวางแผนที่จะรับเงินเดือนเพียงแค่ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเพียง 32.27 บาทเท่านั้น ภายในปีนี้
แม้ว่า GoPro รุ่น Karma จะเป็นโดรนอันดับ 2 ที่ทำมูลค่าได้ดีในหมวดหมู่ของโดรนเอง แต่ทางบริษัทจะออกจากตลาดโดรน ‘ที่มีการแข่งขันสูงมาก’
ทางบริษัท GoPro ระบุว่า “ สภาพแวดล้อมที่มีกฏระเบียบซึ่งไม่เอื้ออำนวยในยุโรป และในสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะทำให้ตลาดทั้งหมดที่ระบุได้ลดน้อยลงภายในไม่กี่ปีที่จะถึง โดยปัจจัยเหล่านี้จะทำให้ตลาดสินค้าทางอากาศไม่สามารถคงอยู่ได้อีกต่อไป ”
ทางบริษัท GoPro จะไม่เป็นหนึ่งในตลาดผู้ค้าโดรนอีกหลังจากที่ขายสินค้าทั้งหมดที่คงเหลืออยู่ได้หมด แต่จะยังคงให้บริการและให้การช่วยเหลือลูกค้าผู้ซื้อโดรนรุ่น Karma ทั้งหมด
ในเวลา 15.20 น.ตามเวลาท้องถิ่น หุ้นของบริษัท GoPro กลับลดลง 25.9% เป็นมูลค่า 5.57 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ ประมาณ 179.72 บาทต่อหุ้น
สำหรับการลดจำนวนพนักงานทั่วโลกของบริษัทจำนวนมาก คาดว่าจะทำให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายหลายสิบล้านดอลลาร์สหรัฐฯ.