ยุคโควิด-19 คนรวยยิ่งรวย คนจนยิ่งจน
เผยรายได้กลุ่มมหาเศรษฐีรวยที่สุดของโลกเพียงหยิบมือแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ แต่ครอบครองรายได้เฉลี่ยของโลกไปมากถึง 52 เปอร์เซ็นต์ ส่วนกลุ่มคนจนมากกว่าครึ่งโลก ครอบครองรายได้ทั่วโลกแค่ 8 เปอร์เซ็นต์
รายงานเรื่อง “ความไม่เท่าเทียมกันของโลก” – World Inequality Report ร่วมกับนักเศรษฐศาสตร์สหรัฐฯ 2 ใน 3 คน ผู้ร่วมคว้ารางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ ปี 2019 ซึ่งทำงานเกี่ยวข้องกับปัญหาความยากจนของชาวโลก ระบุนับตั้งแต่โควิด-19 ระบาดทั่วโลกเมื่อช่วงปี 2020 กลุ่มมหาเศรษฐีร่ำรวยที่สุดของโลก ซึ่งมีอยู่เพียง 10 เปอร์เซ็นต์ สร้างผลกำไรทางธุรกิจกอบโกยรายได้ทั่วโลกมากเพิ่มขึ้น 3.5 เปอร์เซ็นต์ จากก่อนหน้านั้นรายได้เพิ่มเฉลี่ย 2 เปอร์เซ็นต์ โดยครอบครองรายได้ทั่วโลกมากถึง 52 เปอร์เซ็นต์ ส่วนรายได้อีกส่วนหนึ่งเป็นของกลุ่มคนชั้นกลางและเหลือเป็นรายได้ของกลุ่มคนยากจนทั่วโลก ซึ่งมีอยู่ประมาณครึ่งโลก ได้รับเพียงแค่ 8 เปอร์เซ็นต์
รายได้ของกลุ่มมหาเศรษฐีร่ำรวยที่สุดของโลกส่วนใหญ่คือ ธุรกิจออนไลน์ ซึ่งสร้างรายได้มหาศาลในช่วงที่เกือบทั่วโลกบังคับใช้มาตรการ “ล็อกดาวน์” ธุรกิจทางการเงินผ่านออนไลน์ ธุรกิจค้าขายสินค้าและธุรกิจการพนันออนไลน์
รายงานฉบับนี้สอดคล้องผลสำรวจกลุ่มคนร่ำรวยที่สุดของโลกที่ถือครองทรัพย์สินมากกว่า 1,000ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มีจำนวนกว่า 2,755 คน รวมมูลค่าทรัพย์สินคนเหล่านั้น 13.1 ล้าน ล้าน ดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ระบาด คือ 8 ล้าน ล้าน ดอลลาร์สหรัฐฯปรากฏการณ์เช่นนี้ ทำให้กลุ่มคนร่ำรวยยิ่งร่ำรวยขึ้น ส่วนกลุ่มคนยากจนยิ่งจนลงอีกในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19.