อดีตผู้นำโสมขาวรับเงินจากสำนักข่าวกรอง
อดีตประธานาธิบดีหญิงพัคกึนฮเยแห่งเกาหลีใต้ที่ถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งผู้นำประเทศในปีที่แล้วถูกตั้งข้อหาว่ารับเงินสินบนจำนวนหลายล้านดอลลาร์จากหน่วยงานของรัฐ อ้างอิงจากรายงานข่าวเมื่อวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา
โดยอัยการเกาหลีใต้เผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อว่า อดีตประธานาธิบดีพัคถูกตั้งข้อหาจากการกระทำความผิดโดยรับเงินสินบนประมาณ 50 – 200 ล้านวอน หรือราว 1.52 – 6.11 ล้านบาทจากสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ เป็นประจำทุกเดือน หลังจากเธอสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในช่วงต้นปี 2556 จนถึงกลางปี 2559
มีรายงานว่า เงินสดทั้งหมดประมาณ 3,800 ล้านวอน (121.6 ล้านบาท) ถูกส่งมาจากสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติให้กับผู้ช่วยของอดีตประธานาธิบดีพัคในลานจอดรถที่ไม่มีคน หรือ ในตรอกซอกซอยข้างหลังใกล้กับทำเนียบประธานาธิบดี
สำนักข่าวยอนฮัปรายงานว่า เงินจำนวนนี้มาจากงบประมาณที่ไม่รู้ที่มาของสำนักงานข่าวกรอง ซึ่งเป็นเงินกองทุนพิเศษจำนวนหลายล้านดอลลาร์ที่สามารถใช้จ่ายได้โดยไม่ต้องมีใบเสร็จสำหรับการดำเนินการเพื่อต่อต้านการจารกรรม
ยังไม่มีความชัดเจนว่าอดีตประธานาธิบดีพัคใช้จ่ายเงินกองทุนอย่างไร แต่ในรายงานข่าวระบุว่า เธอนำเงินจำนวนนี้ไปใช้จ่ายส่วนตัว และมอบให้กลุ่มที่สนับสนุนเธอ
ปัจจุบัน อดีตผู้นำเกาหลีใต้กำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินคดีใน 18 ข้อหาซึ่งรวมทั้งการรับสินบน การบังคับขู่เข็ญ และใช้อำนาจในทางที่มิชอบในการเสนอผลประโยชน์จากรัฐบาลให้กับกลุ่มมหาเศรษฐี และอัยการได้เพิ่มข้อหาที่ 19 และยื่นฟ้องต่อศาลเกี่ยวกับการรับเงินจากสำนักงานข่าวกรองนี้ อ้างอิงจากรายงานข่าว
ทั้งนี้ อดีตประธานาธิบดีหญิงคนแรกของเกาหลีใต้ถูกถอดถอนโดยมติเห็นชอบเป็นเอกฉันท์จากสภา หลังจากประชาชนลุกฮือเข้าร่วมในการประท้วงครั้งใหญ่อยู่นานหลายเดือนเพื่อขับไล่เธอออกจากตำแหน่งจากข่าวฉาวเรื่องการทุจริตฉ้อโกง และศาลรัฐธรรมนูญมีคำตัดสินในเดือนมี.ค.ปี 2560 ให้ถอดถอนเธอออกจากตำแหน่ง โดยเธอถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวตั้งแต่ วันที่ 31 มี.ค.ปีที่แล้ว
เธอเข้าสู่กระบวนการไต่สวนตั้งแต่เดือนพ.ค.ที่ผ่านมา แต่เธอปฏิเสธที่จะเข้าร่วมจนกระทั่งเดือนก.ย. เธอแสดงอาการกราดเกรี้ยวเมื่อศาลพิจารณาให้ขยายเวลาการควบคุมตัวเธออกไปอีก 6 เดือน ทีมกฎหมายของเธอก็ระงับการทำงานเพื่อช่วยเหลือเธอ โดยกล่าวหาผู้พิพากษาว่ามีความลำเอียง
หลังจากนั้น เธอปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือกับคณะทำงานของรัฐ โดยทีมทนายได้รับการแต่งตั้งจากศาล และอัยการเคยเข้าไปสอบถามเธอในเรือนจำ 2 ครั้ง แต่เธอปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือ.