ปาเลสไตน์ประท้วงทรัมป์
ชาวปาเลสไตน์นับพันคนชุมนุมประท้วงบนถนนในฉนวนกาซาและเขตเวสต์แบงก์เมื่อวันศุกร์ที่ 29 ธ.ค.นับเป็นการประท้วงทุกวันศุกร์ต่อเนื่องกันเป็นครั้งที่ 4 เพื่อต่อต้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ที่ประกาศรับรองนครเยรูซาเล็มว่าเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล
เจ้าหน้าที่ด้านสุขภาพระบุว่า มีผู้ประท้วงอย่างน้อย 50 รายที่ได้รับบาดเจ็บจากกระสุนจริง โดยส่วนใหญ่อยู่ที่ฉนวนกาซา ขณะที่โฆษกหญิงของอิสราเอลแถลงว่า เจ้าหน้าที่ทหารยิงผู้ก่อการไม่สงบ ซึ่งเธอระบุว่าเป็นภัยโดยตรงกับกองทัพ รวมถึงกลุ่มคนที่เข้าพังทำลายรั้วกั้นพรมแดน
โดยโฆษกหญิงแถลงว่า มีชาวปาเสลไตน์ประมาณ 4,000 คนที่ข้ามเขตเวสต์แบงก์และฉนวนกาซาเข้ามา โดยบางคนขว้างปาก้อนหินและระเบิดเพลิง หลายคนเผายางรถยนต์ และเผชิญหน้ากับทหารอิสราเอลซึ่งใช้ระเบิดแก๊สน้ำตาเป็นอาวุธหลักเพื่อควบคุมสถานการณ์
ในฉนวนกาซา บรรดาผู้ประท้วงต่างพากันตะโกนว่า “ อเมริกาตาย อิสราเอลตาย ทรัมป์ตาย” และกลุ่มติดอาวุธยิงจรวดเข้าใส่อิสราเอล ขณะที่ทหารอิสราเอลโต้ตอบด้วยรถถังและเครื่องบินรบ
กองทัพรายงานว่า ตั้งเป้าไปที่กลุ่มฮามาส ซึ่งเป็นกลุ่มอิสลามที่ควบคุมดินแดนของปาเลสไตน์ โดยหลังจากป้องกันจรวดได้ 2 ลูกใน 3 ลูกที่ยิงเข้ามาในอิสราเอล ระเบิดลูกที่ 3 ก็พุ่งเข้ามาถล่มทำอาคารพังเสียหาย แต่ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตจากเหตุร้ายนี้
ประธานาธิบดีทรัมป์กลับลำนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ที่มีมานานหลายทศวรรษ เนื่องจากเป็นหนึ่งในประเด็นที่อ่อนไหวที่สุดจากความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ โดยเขาตัดสินใจประกาศรับรองเยรูซาเล็มให้เป็นเมืองหลวงของอิสราเอลเมื่อวันที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา จึงก่อให้เกิดกระแสความไม่พอใจกับชาวปาเลสไตน์ กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง และอีกหลายประเทศที่นับถือศาสนาอิสลามเป็นส่วนใหญ่
ทั้งนี้ อิสราเอลมองว่าเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของประเทศที่ไม่สามารถแบ่งแยกได้ ขณะที่ปาเลสไตน์ต้องการพื้นที่ส่วนตะวันออกของเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของรัฐปาเลสไตน์ โดยอิสราเอลเข้ายึดครองพื้นที่บริเวณนี้ในปี 2510 ในระหว่างการทำสงครามตะวันออกกลาง และการควบรวมดินแดนของอิสราเอลไม่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ
ประเทศส่วนใหญ่มองว่า สถานะของเยรูซาเล็มเป็นเรื่องที่ต้องทำข้อตกลงด้านสันติภาพกันระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ ถึงแม้ว่ากระบวนการนี้ยังคงหยุดชะงักอยู่ก็ตาม
เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.สมัชชาแห่งสหประชาชาติโหวตลงมติสวนการประกาศรับรองเยรูซาเล็มของผู้นำสหรัฐฯ โดยมีเสียงสนับสนุนทั้งหมดถึง 128 ประเทศ.