ทรัมป์เซ็นกฎหมายภาษี
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามในกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันที่จะส่งผลกระทบมูลค่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อให้มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.นับเป็นชัยชนะทางกฎหมายครั้งใหญ่ที่สุดในปีแรกของการปฏิบัติหน้าที่ของเขา และเขายังได้ลงนามอนุมัติกฎหมายใช้จ่ายงบประมาณระยะสั้นเพื่อป้องกันไม่ให้รัฐบาลต้องหยุดชะงัก
โดยผู้นำสหรัฐฯกล่าวว่า เขาต้องการที่จะลงนามในกฎหมายภาษีก่อนที่จะเดินทางออกจากกรุงวอชิงตันเพื่อไปที่รีสอร์ท Mar-a-Lago ของเขาในรัฐฟลอริดา เพื่อให้มีการฉลองอย่างเป็นทางการในเดือนม.ค.เพื่อเป็นการรักษาสัญญาที่จะทำให้สำเร็จลุล่วงก่อนคริสต์มาส
“ ผมไม่อยากให้พวกคุณพูดว่าผมไมรักษาสัญญา ผมกำลังทำตามสัญญา” เขากล่าวกับผู้สื่อข่าวในทำเนียบขาวกฎหมายทั้งสองฉบับแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จครั้งสำคัญกับสภาคองเกรสนับตั้งแต่เข้ามาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือนม.ค.ปีนี้ รวมถึงเป็นสัญลักษณ์ของสิ่งที่รอคอยเมื่อเขากลับจากฟลอริดาหลังจากเทศกาลคริสต์มาส
โดยสาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งเป็นการยกเครื่องครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 30 กว่าปี คือการปรับลดอัตราภาษีนิติบุคคลจาก 30% ลงมาเหลือ 21% และยังลดภาระภาษีสำหรับบุคคลส่วนใหญ่ด้วย
เขากล่าวยกย่องหลายบริษัทที่ได้ประกาศให้โบนัสพนักงานจากผลกระทบของภาษี โดยเอ่ยชื่อของ AT&T, Boeing , Wells Fargo, Comcast และ Sinclair Broadcast Group
อย่างไรก็ตาม พรรคเดโมแครตคัดค้านกฎหมายนี้ เพราะมองว่าจะเป็นการเอื้อประโยชน์แก่กลุ่มคนร่ำรวยมากกว่า และจะเพิ่มจำนวนหนี้แก่ประเทศถึง 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้กลายเป็น 20 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯในทศวรรษหน้า
ทั้งนี้ กฎหมายใช้จ่ายระยะสั้นจะขยายกองทุนรัฐบาลกลางถึงวันที่ 19 ม.ค. โดยจะใช้เพื่อแก้ปัญหากรณีพิพาทที่ขยายวงกว้างขึ้นในการใช้จ่ายงบประมาณเรื่องตรวจคนเข้าเมือง สาธารณสุข และกองทัพ
พรรครีพับลิกันเองยังมีความเห็นแตกแยกถึงผลที่ตามมาของกฎหมายยกเครื่องภาษีด้วยการปรับโครงสร้างของโปรแกรมสิทธิประโยชน์ส่วนกลาง
พอล ไรอัน โฆษกของสภาผู้แทนราษฎรกล่าวว่า เขาต้องการปรับปรุงแก้ไขเรื่องสวัสดิการและสุขภาพ แต่มิทช์ แมคคอนเนล ผู้นำในวุฒิสภาพรรครีพับลิกันกล่าวในรายการของสถานีวิทยุแห่งชาติเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.ว่า เขาไม่สนใจที่จะปรับลดโปรแกรมเหล่านั้นโดยปราศจากการสนับสนุนของพรรคเดโมแครต.