บิทคอยน์ร่วงต่อเนื่อง
บิทคอยน์ราคาร่วงลงเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.ซึ่งทำให้มูลค่าของสกุลเงินดิจิทัลนี้หายไปเกือบ 1 ใน 3 จากที่เคยพุ่งขึ้นไปทำสถิติสูงเกือบถึง 20,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 659,000 บาทต่อยูนิต
โดยราคาของสกุลเงินดิจิทัลนี้ร่วงลงไปต่ำกว่า 11,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ( 362,450 บาท) เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.อ้างอิงจากเว็บไซต์ซื้อขายแลกเปลี่ยน Coindesk ก่อนที่จะฟื้นกลับขึ้นมาอยู่เหนือ 13,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ( 428,350 บาท)
ท่ามกลางค่าเงินที่ผันผวนไปมา ทำให้มีการระงับการซื้อขายแลกเปลี่ยนที่เกี่ยวข้องกับบิทคอยน์อีก 3 ชนิด
ทั้งนี้ บิทคอยน์ราคาเพิ่มสูงขึ้นมากในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา โดยราคาในช่วงต้นปีอยู่ประมาณ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 32,950 บาทต่อยูนิต ค่าเงินบิทคอยน์พุ่งทะยานเป็นสองเท่าตั้งแต่เดือนพ.ย. ดึงดูดใจให้บริษัทใหญ่ รวมทั้งนักลงทุนเอกชนเข้ามาลงทุนกันอย่างหนาแน่น
ตั้งแต่วันที่ 17 ธ.ค.เป็นต้นมา บิทคอยน์อ่อนค่าลงไปอยู่เท่ากับช่วงต้นเดือนธ.ค.
นักวิเคราะห์กล่าวว่า นักลงทุนควรเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นลักษณะของทรัพย์สินประเภทนี้ตั้งแต่เริ่มต้น
แต่ตลาดยังคงได้แรงขับเคลื่อนจากความเชื่อมั่น อ้างอิงจาก Charles Hayter ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารเว็บไซต์ Cryptocompare
“ นี่คือลักษณะของการซื้อขายทรัพย์สินนี้ตั้งแต่แรก” Nick Colas ผู้ร่วมก่อตั้ง Data Trek Research ที่มีฐานในนครนิวยอร์กกล่าว “ มีความผันผวนเกิดขึ้นมาก และเห็นได้ว่าจะเกิดขึ้นได้อีกในอนาคต”
ทั้งนี้ บิทคอยน์เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ไม่มีรัฐบาลใดให้การสนับสนุน บิทคอยน์ถูกสร้างขึ้นมาผ่านกระบวนการซับซ้อนที่เรียกว่า ‘การขุด’ จากนั้นก็ถูกจับตามองโดยโครงข่ายคอมพิวเตอร์ทั่วโลก
มีบิทคอยน์ใหม่ที่มีเสถียรภาพประมาณ 3,600 ยูนิตเข้ามาในตลาดทุกวัน โดยปัจจุบันมีบิทคอยน์มากกว่า 16.5 ล้านเหรียญไหลเวียนอยู่ในกระแส คาดการณ์ว่าซัพพลายจะพุ่งขึ้นจุดสูงสุดคือประมาณ 21 ล้านเหรียญ
แต่ละธุรกรรมจะถูกบันทึกในโครงสร้างข้อมูลที่เรียกว่า บล็อกเชน ซึ่งทำให้เป็นไปได้ที่จะตามรอยประวัติการใช้งานของบิทคอยน์เพื่อหยุดผู้คนไม่ให้ใช้คอยน์ที่ตัวเองไม่ได้เป็นเจ้าของ ทำซ้ำ หรือยกเลิกธุรกรรม
หน่วยงานที่กำกับดูแลทั่วโลกต่างออกมาเตือนนักลงทุนเกี่ยวกับความเสี่ยงในการลงทุนบิทคอยน์ โดยหนึ่งในความเห็นที่โดดเด่นในสัปดาห์นี้มาจากผู้ว่าการธนาคารกลางเดนมาร์ก ซึ่งเรียกบิทคอยน์ว่าเป็นการพนันที่มีความเสี่ยงสูงในระดับอันตราย
ถึงแม้จะมีความเสี่ยงต่อบุคคล แต่ทางการสหรัฐฯ ระบุว่า ไม่คิดว่าบิทคอยน์จะเป็นส่วนที่ใหญ่พอของตลาดการเงินที่จะกลายเป็นปัจจัยคุกคามเสถียรภาพเศรษฐกิจที่กว้างขวางขึ้น.