โลกก้าวข้ามสู่ยุคยากินต้านไวรัสโควิด-19
ยุคแห่งการรับประทาน “ยาเม็ดต้านไวรัสโควิด-19” กำลังเริ่มต้นแล้ว หลังบริษัทผู้ผลิตยารายใหญ่ของสหรัฐฯ “Merck” กับ “Pfizer” ต่างอวดอ้างสรรพคุณความเหนือชั้น หวังยึดครองตลาดโลก
ภายหลังจากบริษัท เมิร์ค เจ้าของลิขสิทธิ์ยาเม็ด “โมลนูพิราเวียร์” – Molnupiravir กับ “ไฟเซอร์” เจ้าของลิขสิทธิ์ยาเม็ด “แพกซ์โลวิด” – Paxlovid ต่างอวดผลทดลองยาต้านไวรัสโควิด-19 ของตัวเอง โดยผลเปรียบเทียบการใช้ยาทั้งสองชนิดนี้ พบว่า “โมลนูพิราเวียร์” ช่วยลดอันตรายผู้ป่วยรุนแรงจากโควิด-19 และลดอัตราการตายได้เกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ ส่วน “แพกซ์โลวิด” อ้างช่วยลดอันตรายผู้ป่วยรุนแรงและลดอัตราการตายได้ 89 เปอร์เซ็นต์
การใช้ยาทั้งสองชนิดจำเป็นต้องใช้กับผู้ป่วยหลังพบอาการป่วยโควิด-19 ภายใน 3 วัน ถ้าใช้ยาหลังจากนั้นหรือภายหลังป่วย 5 วัน ประสิทธิภาพยา “แพกซ์โลวิด” จะด้อยค่าลดอัตราการตายเหลือ 85 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณการใช้ยาทั้งสองยี่ห้อจะใช้ระยะเวลา 5 วัน โดย “โมลนูพิราเวียร์” กินวันละ 8 เม็ด เช้า 4 เม็ด ก่อนนอน 4 เม็ด ส่วน “แพกซ์โลวิด” กินวันละ 6 เม็ด เช้า 3 เม็ด ก่อนนอน 3 เม็ด
“แพกซ์โลวิด” ของบริษัทไฟเซอร์ ยังไม่ได้รับการอนุมัติรับรองจากรัฐบาลสหรัฐฯ แต่ “โมลนูพิราเวียร์” ได้รับอนุมัติใช้จากรัฐบาลอังกฤษแล้วตั้งแต่ 5 พ.ย. ขณะที่รายงานเรื่อง “How antiviral pill Molnupiravir shot ahead in the COVID drug hunt” หรือความหมาย “จะมีการแก่งแย่งยาโมลนูพิราเวียร์กันหรือไม่” ตีพิมพ์ลงวารสาร “เนเชอร์” เมื่อเดือนที่แล้ว ระบุอาจเป็นไปได้ว่าสถานการณ์แบบนั้นจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มชาติที่ผู้คนได้รับวัคซีนโควิด-19 ต่ำ
“โจ ไบเดน” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุรัฐบาลได้สั่งการเตรียมกักตุน “แพกซ์โลวิด” จำนวนหลายล้านชุดทันทีถ้าองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) อนุมัติรับรองแพกซ์โลวิดอย่างเป็นทางการ ส่วนอัลเบิร์ต บัวร์ลา ซีอีโอบริษัทไฟเซอร์ ระบุบริษัทได้เจรจาจำหน่าย “แพกซ์โลวิด” แล้วกับ 90 ประเทศ