Victoria’s Secret ยอดขายร่วง
เกิดปัญหากับแบรนด์ Victoria’s Secret เมื่อปัจจุบันผู้หญิงกลับไม่ต้องการสวมใส่ชุดชั้นในแบบเซ็กซี่อีกต่อไปแล้ว
เมื่อต้นปี 2559 แบรนด์ Victoria’s Secret ได้ลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตในผลิตภัณฑ์อย่างชุดชั้นในแนวเซ็กซี่ โดยทางแบรนด์ได้นำคอลเลคชั่นชุดว่ายน้ำ และเครื่องแต่งกายอื่น ๆ ออก หั่นราคาโปรโมชั่น และเลิกผลิตแคตตาล็อก Victoria’s Secret
Simeon Siegel หรือ นักวิเคราะห์ของบริษัท Instinet ระบุว่า “ทางบริษัทนั้นทิ้งเงินกว่า 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่พวกเขาเปลี่ยนเป้าหมายการโปรโมทไปยังผลิตภัณฑ์อื่น”
ในระหว่างที่ Victoria’s Secret กำลังอยู่ในระหว่างการรีบูตตัวแบรนด์ ทางลูกค้ากลับหันเหความสนใจไปยังคู่แข่งรายใหม่อย่างยกทรงที่เรียกว่า “Bralettes”
ยกทรงแบบใหม่หรือ Bralettes ถูกออกแบบมาเพื่อมอบความสะดวกสบายให้กับสาว ๆ โดยยกทรงชนิดนี้จะไม่มีฟองน้ำ หรือโครงเหล็กใต้อก ซึ่งยกทรงชนิดนี้มีราคาที่ต่ำกว่าชุดชั้นในไร้โครงเหล็กของ Victoria’s Secret กว่าครึ่ง ซึ่งมีราคาอยู่ที่ราว 35 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 1,150 บาท
โดยต่อมา Victoria’s Secret ได้พยายามโปรโมทชุดชั้นในแบบ Bralette ของตัวแบรนด์เอง โดยใช้โฆษณาที่ว่า “no padding is sexy” (ไม่มีฟองน้ำสิเซ็กซี่)
แต่ผู้บริโภคกลับเปลี่ยนแนวทางการสวมชุดชั้นในไปยังร้านค้าที่ขายยกทรงโดยเฉพาะ และเปิดโอกาสให้กับร้านค้าออนไลน์หรือผู้ค้าปลีกที่มียกทรงขายในราคาประหยัด
บริษัท L Brands หรือบริษัทแม่ของ Victoria’s Secret ระบุว่า ยอดขายของแบรนด์นี้ลดลงกว่า 11% ในปีก่อน
ทาง Victoria’s Secret เชื่อว่า เทรนด์การใช้ยกทรงแบบ Bralette จะเป็นที่นิยมอยู่เพียงระยะสั้น ๆ และชุดชั้นในแบบมีโครงจะกลับมาเป็นที่นิยมกันทั่วไปอีกครั้ง โดยเมื่อลูกค้ากลับมาให้ความสำคัญกับชุดชั้นในแบบดั้งเดิม ทาง Victoria’s Secret ก็เชื่อว่าจะกลับมาเป็นผู้นำในตลาดชุดชั้นในได้อีกครั้ง
นักวิเคราะห์อย่าง Siegel ยังกล่าวอีกว่า “ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความสามารถว่าพวกเขาจะสามารถดึงลูกค้ากลับมา ด้วยการขายโดยตรงซึ่งไม่สามารถทำได้อย่างการขายแบบออนไลน์”
ทางนักวิเคราะห์ยังกล่าวอีกว่า ยังมีความเป็นไปได้อยู่ในตลาดต่างประเทศที่สำคัญอย่างจีน ซึ่งทาง Victoria’s Secret จะทำการจัดแฟชันโชว์ประจำปีในเซี่ยงไฮ้เป็นครั้งแรก.