กาตาร์เข้าซื้อหุ้นคาเธ่ย์ 9.6%
สายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส์ เข้าซื้อหุ้น 9.6% จากสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิก ในราคา 662 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 21,938 ล้านบาท ทำให้สายการบินกาตาร์ ได้ขยับตัวเข้าสู่ตลาดการบินของชาติที่กำลังบูมอย่างจีนมากขึ้น
การซื้อหุ้นในครั้งนี้ทำให้สายการบินกาตาร์ กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของสายการบินคาเธ่ย์
โดยครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่สายการบินจากประเทศตะวันออกกลางได้เข้ามาลงทุนในสายการบินทางฝั่งเอเชียตะวันออก
ตลาดการบินในจีนถือเป็นตลาดที่มีการเติบโตรวดเร็วที่สุดในโลก และมีความเป็นไปได้ที่จะมีขนาดใหญ่ที่สุดในปี 2563
ในเดือนก่อน สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศได้นำการคาดการณ์ก่อนหน้ามาเผยให้เห็นว่า ภายใน 2 ปี จีนจะสามารถตามตลาดการบินที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างสหรัฐฯ ได้ทัน
นอกจากสายการบินจากชาติตะวันออกกลางแล้ว สายการบินสัญชาติสหรัฐฯ ทั้ง อเมริกัน แอร์ไลน์ และเดลต้า ก็หันมาให้ความสนใจในการเคลื่อนตัวเข้าสู่ตลาดการบินที่เติบโตอย่างรวดเร็วในจีนเช่นกัน
เมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา สายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ เข้าซื้อหุ้นราว 3% ในสายการบินไชน่า เซาต์เทิร์น แอร์ไลน์ ไปในมูลค่าราว 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 6,626 ล้านบาท จนกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสายการบินจีน เป็นรายที่สาม นอกจากนี้ สายการบินเดลต้า ยังได้เข้าซื้อหุ้น ของสายการบินไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ เมื่อ 2 ปีก่อน ราว3.6% เป็นมูลค่า 450 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 14,908 ล้านบาท
ในแถลงการณ์ สายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิก ระบุว่า สายการบินแอร์ ไชน่า และ สไวร์ แปซิฟิก จะยังคงถือหุ้น 75% ของสายการบินคาเธ่ย์ต่อไป
นายรูเพิร์ต ฮ็อกก์ ซีอีโอของสายการบินคาเธ่ย์ระบุว่า ในฐานะสมาชิกพันธมิตรสายการบินวันเวิลด์ “ พวกเรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสายการบินต่อไป ”
ด้านนายอัคบาร์ อัล เบเกอร์ ซีอีโอของสายการบินกาตาร์ ระบุว่า สายการบินคาเธ่ย์นั้น “ ได้รับความเคารพจากทั้งอุตสาหกรรมการบิน ด้วยศักยภาพที่ยิ่งใหญ่สำหรับอนาคต”
ในขณะที่กาตาร์มองว่าการลงทุนในสายการบินคาเธ่ย์จะเป็นหนทางในการเติบโตและเข้าสู่ตลาดการบินของจีน ด้านนายเกรก วัลดรอนก็ได้สันนิษฐานว่า “การปรับโครงสร้างองค์กร และการจ่ายเงินจำนวนมาก อาจทำให้บริษัทกลับมามีผลกำไรอีกครั้งในอนาคต”
ทั้งนี้ เมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา สายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิกรายงานถึงผลกำไรที่ลดลงกว่า 82% ในระยะเวลาครึ่งปี เป็นผลมาจากการแข่งขันที่รุนแรงและเศรษฐกิจในจีนที่ชะลอตัวลง.