เฟซบุ๊กจะเพิ่มพนักงานอีกหมื่นคน
ยักษ์ใหญโซเชียลมีเดียอย่างเฟซบุ๊กที่ถูกกดดันจากภาครัฐและผู้บริโภคให้มีระบบการดูแลที่รัดกุมยิ่งขึ้น ได้ให้คำมั่นที่จะเพิ่มจำนวนพนักงานที่รับผิดชอบดูแลในด้านความปลอดภัยและความมั่นคงขึ้นอีกเป็น 2 เท่า
โคลิน สเตรทช์ รองประธานและที่ปรึกษาทั่วไปของเฟซบุ๊กเข้าให้ปากคำต่อหน้าวุฒิสภาเมื่อวันที่ 31 ต.ค.พร้อมกับคณะผู้บริหารจากทวิตเตอร์ และกูเกิล โดยเขาได้บอกกับคณะกรรมาธิการ ส.ว.ว่า พนักงานของเฟซบุ๊กซึ่งมีหน้าที่ความรับผิดชอบในประเด็นชุมชนและความมั่นคงที่อ่อนไหวจะเพิ่มจำนวนเป็น 20,000 คนภายในสิ้นปี 2561
“ ปัจจุบัน จากจำนวนพนักงานของเราในทีมปฏิบัติการที่ดูแลความปลอดภัย ความมั่นคง ผลิตภัณฑ์และชุมชน มีอยู่ประมาณ 10,000 คนที่ทำงานด้านความปลอดภัยและความมั่นคง ” สเตรทช์กล่าวในการเข้าให้การกับคณะกรรมาธิการของวุฒิสภาในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของรัสเซียในปี 2559
“ เราให้คำมั่นว่าจะลงทุนเพิ่มขึ้น และเพิ่มจำนวนพนักงานเป็นสองเท่าภายในสิ้นปี 2561 ”
ซึ่งถือว่าเป็นคำสัญญาด้านบุคคลจำนวนมหาศาลสำหรับเฟซบุ๊ก เนื่องจากนับจนถึง 30 มิ.ย.บริษัทมีพนักงานรวมทั้งหมด 20,658 คน โดยมีหลายกลุ่มที่ทำงานเจาะจงด้านคอนเทนต์ที่เกี่ยวกับการก่อการร้ายเป็นพิเศษ ซึ่งรวมถึงพนักงานนับพันคนในต่างประเทศ และอีก 150 คนที่ดูแลด้านการลบคอนเทนต์เกี่ยวกับการก่อการร้าย สเตรทช์กล่าว
ทั้งนี้ เฉพาะในปี 2559 เพียงปีเดียว พนักงานของเฟซบุ๊กเพิ่มจำนวนขึ้นจาก 12,691 คนเป็น 17,048 คน
โดยเฟซบุ๊กระบุว่า ได้จ้างผู้ทำหน้าที่ดูแลด้านคอนเทนต์เพื่อพิจารณาและลบวีดีโอที่มีความรุนแรงและเกี่ยวข้องกับการฆ่าตัวตายออกไป นอกจากนี้ บริษัทยังได้จ้างพนักงานเพิ่มอีก 1,000 คนเพื่อตรวจสอบและลบโฆษณาที่ไม่เหมาะสม
ยังไม่ชัดเจนว่า จำนวนพนักงานที่เพิ่มขึ้นนี้ได้รวมกับจำนวนที่สเตรทช์ประเมินหรือไม่ โดยบริษัทระบุว่า พนักงานที่จ้างใหม่จำนวนหนึ่งจะเป็นพนักงานสัญญาจ้าง
เฟซบุ๊กแจ้งกับนักลงทุนว่า จะมีการจ้างงานอย่างต่อเนื่อง แม้จะส่งผลให้การเติบโตของรายได้ชะลอตัวลงก็ตาม โดยในรายงานประจำปีล่าสุด บริษัทกล่าวว่า ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากการจ้างงานในด้านการวิจัยและการพัฒนา การขาย และการตลาด.