เศรษฐกิจสหรัฐฯโตเกินคาด
เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวเติบโตขึ้นด้วยตัวเลขการเติบโต 3% ต่อปีในไตรมาสสิ้นสุดเดือนก.ย. ซึ่งเป็นตัวเลขที่แข็งแกร่งเกินคาดการณ์
โดยนักวิเคราะหฺ์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะชะลอตัวลงอย่างชัดเจน หลังจากหลายรัฐในสหรัฐฯ ถูกพายุเฮอร์ริเคนเข้าถล่มจนเกิดความเสียหายอย่างรุนแรงในไตรมาสที่ผ่านมา
แต่การใช้จ่ายของผู้บริโภคยังคงมีเสถียรภาพ ถึงแม้การลงทุนด้านการสร้างที่อยู่อาศัยจะลดจำนวนลงก็ตาม รวมถึง 2 ไตรมาสที่ผ่านมาเป็น 6 เดือนที่มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งที่สุดสำหรับสหรัฐฯ นับตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา อ้างอิงจากการรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ
โดยการใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลงจากเดิมที่เคยพุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 3.3% ในไตรมาส 2 ลงมาอยู่ที่ 2.4% ซึ่งเป็นผลกระทบโดยตรงจากพายุเฮอร์ริเคน
การใช้จ่ายในการก่อสร้างก็ลดลงเช่นกัน แต่การส่งออกและการลงทุนธุรกิจด้านอุปกรณ์และทรัพย์สินทางปัญญายังคงขยายตัวเติบโตขึ้นจากไตรมาสก่อน
นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่า การประเมินการลงทุนทางธุรกิจ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มขึ้นของจีดีพีอาจแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน อย่างไรก็ตาม ตัวเลขจีดีพี ซึ่งเป็นมาตรวัดสินค้าและบริการที่ผลิตในสหรัฐฯ เติบโตขึ้นในอัตรา 2.3% ต่อปี
โดยกระทรวงพาณิชย์เตือนว่า ตัวเลขนี้ไม่ได้รวมถึงความเสียหายที่เกิดจากพายุเฮอร์ริเคน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้มีการปิดโรงงาน สำนักงาน และสนามบินในรัฐฟลอริดาและรัฐเท็กซัส
และการประมินตัวเลขจีดีพี ไม่ได้วัดรวมถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจของดินแดนในอาณัติของสหรัฐฯ เช่น เปอร์โตริโก ซึ่งเสียหายอย่างหนักจากพายุเฮอร์เคนมาเรีย
ทางกระทรวงพาณิชย์ประเมินว่า ความเสียหายที่เกิดจากพายุเฮอร์ริเคนที่ส่งผลต่ออสังหาริมทรัพย์ เช่น บ้านเรือนและที่ทำการของหน่วยงานรัฐทั้งหมดจะมีมูลค่ามากกว่า 131,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 4.37 ล้านล้านบาท
นอกจากนี้ กระทรวงยังประเมินว่า รัฐบาลและบริษัทประกันต้องจ่ายเงินมากกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 3.34 ล้านล้านบาทจากการเคลมประกัน โดยเป็นของบริษัทต่างชาติมากกว่า 17,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 581,334 ล้านล้านบาท
นายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์อ้างว่า ตัวเลจจีดีพีที่รายงานเมื่อวันที่ 27 ต.ค.เป็นสัญญาณของความก้าวหน้า และเป็นความสำเร็จที่น่าจดจำในแสงสว่างที่มีเพียงน้อยนิดจากเฮอร์ริเคน
โดยเมื่อเทียบกับปีก่อน จีดีพีของสหรัฐฯ เติบโตขึ้นเป็น 2.3% จากรายงานของกระทรวง ซึ่งถือเป็นการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ นับตั้งแต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยในช่วงปี 2550 – 2552
“ แผนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยังคงส่งผลดีต่อเศรษฐกิจที่ได้รับอานิสงส์จากการบริหารก่อนหน้านี้ หากแผนปฏิรูปภาษีของท่านประธานาธิบดีสำเร็จลุล่วง เศรษฐกิจของเราจะกลับมาขยายตัวเติบโตได้อีกครั้ง ”