สีขึ้นแท่นทรงอิทธิพลต่อจากเหมา
พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีมติให้ยกย่องและบรรจุชื่อของประธานาธิบดีสีจิ้นผิงและอุดมการณ์ของเขาไว้ในรัฐธรรมนูญของพรรค เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรของเขาให้ทัดเทียมกับผู้ก่อตั้งและอดีตประธานพรรคคอมมิวนิสต์ที่ยิ่งใหญ่อย่าง เหมาเจ๋อตุง
การลงมติโดยไม่เปิดเผยนามเป็นการหนุนให้ ‘ความคิดของสีจิ้นผิง’ เผยโฉมในช่วงท้ายของการประชุมสมัชชาแห่งชาติของพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งเป็นการประชุมทางการเมืองที่มีความสำคัญสูงสุดของจีน
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงกระชับอำนาจในการปกครองประเทศมากขึ้นเรื่อยๆนับตั้งแต่ขึ้นเป็นผู้นำของจีนเมื่อปี 2555 ความเคลื่อนไหวครั้งนี้หมายความได้ว่า การท้าทายใดๆ ที่มีต่อเขาเท่ากับเป็นภัยคุกคามต่อกฎของพรรคคอมมิวนิสต์
ผู้แทนของพรรคมากกว่า 2,000 คนมารวมตัวกันในการประชุมที่ศาลาประชาคม หรือรัฐสภาประชาชนในกรุงปักกิ่งเพื่อลงมติในขั้นตอนสุดท้ายเพื่อเชิดชูเกียรติ ‘แนวคิดของประธานาธิบดีสีที่มีต่อระบอบสังคมนิยมด้วยคุณลักษณะแบบจีนเพื่อยุคใหม่’ และบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
โดยในช่วงท้ายของการประชุม มีการถามบรรดาผู้แทนว่า มีผู้ใดจะคัดค้านบ้างหรือไม่ ซึ่งก็มีเสียงตอบดังชัดเจนว่า
“ไม่มี” อ้างอิงจากการรายงานของผู้สื่อข่าวในสถานที่
มีแค่เหมาเจ๋อตุงและเติ้งเสี่ยวผิงที่มีชื่อปรากฎอยู่คู่กับอุดมการณ์ของพวกเขา และมีชื่อของเติ้งเสี่ยวผิงเพียงคนเดียวที่ถูกเพิ่มเติมไว้ในรัฐธรรมนูญหลังจากเขาถึงแก่อนิจกรรม
ทั้งนี้ 5 ข้อหลักของแนวความคิดของสีจิ้นผิงคือ
- รักษาและขยายผลประโยชน์ของจีนในต่างประเทศ
- ตั้งรับกับเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
- ปราบปรามเจ้าหน้าที่รัฐที่คอร์รัปชั่น ตั้งแต่ระดับสูงไปจนถึงระดับล่าง
- กระชับอำนาจในการปกครองฮ่องกง
- ยุตินโยบายลูกคนเดียว
โดย 14 กฎเหล็กที่ย้ำถึงบทบาทของพรรคคอมมิวนิสต์ในการปกครองประเทศในทุกมุมมอง ยังรวมถึง
- การเรียกร้องให้มีการปฏิรูปที่สมบูรณ์และลึกซึ้ง และความคิดในการพัฒนาสิ่งใหม่ๆ
- การเรียกร้องให้มีการประชุมเพื่อพัฒนาสิ่งแวดล้อม และอ้างถึงเป้าหมายของภาครัฐที่จะมีพลังงานสำรองด้วยพลังงานทดแทน
- การย้ำเตือนถึงอำนาจเต็มรูปแบบของพรรคที่มีต่อกองทัพประชาชน ซึ่งมีขึ้นท่ามกลางการเรียกร้องของนักวิจารณ์ถึงการลาออกจำนวนมากของเจ้าหน้าที่อาวุโสของกองทัพในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของจีน
- การย้ำถึงความสำคัญของนโยบาย ‘หนึ่งประเทศ สองระบบ’ และการรวบอำนาจสู่ศุนย์กลางของแผ่นดินใหญ่ ซึ่งเป็นการอ้างอิงที่ชัดเจนถึงระบบการปกครองฮ่องกงและไต้หวัน.